ศาลจังหวัดสงขลาตัดสินประหารชีวิตผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง คดีฆ่านักธุรกิจมาเลย์ ปี 58 เกือบยกทีม เว้นคนขับ-มือยิง ที่รับสารภาพ ลดโทษเหลือติดคุกตลอดชีวิต
ศาลจังหวัดสงขลา อ่านคำพิพากษาคดีฆ่านักธุรกิจมาเลเซีย หรือ กรณีที่คนร้าย ใช้อาวุธสงครามเอ็ม 16 ยิงถล่ม นายลี อา ฮาน เสียชีวิตคารถเบนซ์ สีดำ รุ่น S300 ทะเบียน 1ฌ 1 กรุงเทพมหานคร และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2558
จากกรณีที่ คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มรถเบนซ์ สีดำ รุ่น S300 ทะเบียน 1ฌ 1 กรุงเทพมหานคร บริเวณถนนกาญจนวาณิชย์ แยกคลองปอม หมู่ 8 ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ส่งผลให้ นายลี อา ฮาน เสียชีวิตคาที่ และนางมยุรี ทิพย์มณี อายุ 42 ปี ที่นั่งมาด้วยได้รับบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่าปมฆ่าล้างหนี้ซื้อขายที่ดินมูลค่านับร้อยล้านบาท ระหว่างผู้ตายกับกลุ่มผู้จ้างวาน และเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัว น.ส.นงเยาว์ หนึ่งในผู้ต้องหา และอ้างว่า นายลี อา ฮาน ผู้เสียชีวิต ได้มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับน้องสาวของ นายอภิชน แซ่โล้ว หรือเสี่ยชน อายุ 47 ปี โดยผู้เสียชีวิตได้แอบถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์ไว้เพื่อแบล็กเมล์ และได้ขอซื้อที่ดินแปลงหนึ่งในราคา 20 ล้านบาท
จากการสืบสวนสอบสวนของ พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล ผกก.สส.ภ.จ.สงขลา (ตำแหน่งในขณะนั้น) พร้อมด้วยสืบสวนภาค 9 และ กก.6 ป ร่วมกันสืบสวนคลี่คลายคดี โดยสามารถแกะรอยติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ยกแก๊ง ตั้งแต่คนสั่งฆ่าซึ่งเป็นชาวมาเลเซีย เพื่อฆ่าล้างหนี้มากกว่า 120 ล้านบาทไทย คนรับงานฆ่าซึ่งเป็นพ่อตาของคนจ้าง และทีมฆ่าชาวสุราษฎร์ธานี และชุมพร ผู้ต้องหาประกอบด้วย นายอภิชน แซ่โล้ว (คนรับงานฆ่า), นายตัน วุน เจ้น, น.ส.นงเยาว์ ชำนินวล (นั่งหน้ารถฟอร์ด กันเป็นพยาน), นายยุทธศักดิ์ กล้ามาก (ขับกระบะอีซุซู ), นายธนเดช เงี่ยมตั้น (ขับกระบะฟอร์ด), นายเอกพล อินทร์แก้ว (คนยิงเอ็ม 16) และนายชินพัฒน์ พิทักษ์ไทย (คนขับรถแอกคอร์ด)
พร้อมตรวจยึดเงินสดที่เหลือจากการรับจ้างฆ่า จากภรรยาของผู้ร่วมก่อเหตุถึง 2 ราย และตรวจยึดรถยนต์เก๋งที่ใช้ยิงผู้ตาย รถยนต์กระบะที่ใช้ติดตามผู้ตาย จำนวน 2 คัน เป็นหลักฐานในคดี โดยชั้นจับกุมและสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกคน แต่ด้วยความเชี่ยวชาญในการรวบรวมพยานหลักฐาน และการทำคดีมือปืนและคดีอุกฉกรรจ์ของ พ.ต.อ.ศักดา และทีมงาน ทำให้สามารถนำสืบให้ศาลเห็นว่ากลุ่มคนร้ายที่จับกุมมาเป็นทีมฆ่าผู้ตายเพื่อล้างหนี้สินมากกว่า 120 ล้านบาท ตามพยานหลักฐานที่ตรวจสอบมาได้ ต่อมาระหว่างการพิจารณา ผู้ต้องหา 2 คนที่เป็นคนขับรถ และคนยิง เห็นว่าถูกคนจ้างทอดทิ้ง ไม่เหลียวแลในการต่อสู้คดี จึงยอมให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้รายละเอียดในคดี ก่อนจะหลบหนีการประกันในชั้นศาลไป
โดยศาลได้พิพากษาประหารชีวิตทุกคน เว้นแต่ นายชินพัฒน์ พิทักษ์ไทย คนขับรถเก๋ง และนายเอกพล อินทร์แก้ว คนยิง เนื่องจากทั้งคู่ให้การสารภาพ แต่หลบหนีประกันในชั้นศาล หลังจากเบิกความให้การรับสารภาพต่อศาล จึงลดโทษเหลือแค่จำคุกตลอดชีวิต
