ประวัติ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักการเมืองในตำนานของไทย
พาไปรู้จัก ประวัติ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักการเมืองแถวหน้าของประเทศไทย นามแฝง Davis Kamol ดีกรีอดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย
เชื่อว่าใครที่ติดตามข่าวการเมือง คงไม่มีทางที่จะไม่รู้จัก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักการเมืองชื่อดังที่มักจะออกมาเคลื่อนไหว ให้เราได้เห็นหน้าผ่านทีวีและหนังสือพิมพ์กันอยู่บ่อย ๆ โดยชูวิทย์เป็นนักการเมืองวัย 61 ปี ที่เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ทั้งยังเคยลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครด้วย วันนี้เราเลยจะถือโอกาส พาทุกคนไปส่องด้วยกันว่า ชูวิทย์คือใคร มีประวัติและผลงานอะไรที่น่าจดจำบ้าง
ประวัติ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และผลงานเด่น
ชีวิตส่วนตัว ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2504 ปัจจุบันอายุ 61 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ฮ่องกง ก่อนจะย้ายมาประเทศไทย เพื่อพักอาศัยในบริเวณย่านเยาวราช โดยครอบครัวทำธุรกิจนำเข้าและผลิตแบรนด์กางเกงยีนส์ฮาร่า
ด้านการศึกษา ชูวิทย์ได้เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนสหพาณิชย์ ก่อนจะเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาตอนมัธยมต้น และโรงเรียนเทพศิรินทร์ตอนมัธยมปลาย จากนั้นชูวิทย์ได้สอบเข้าเรียนต่อปริญญาตรี ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ต่อด้วยหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในส่วนของการทำงานด้านธุรกิจ ชูวิทย์ได้เริ่มทำบ้านจัดสรรและเปิดร้านอาบอบนวด ‘วิคทอเรีย ซีเคร็ท’ โดยมีกิจการทั้งหมด 6 แห่ง ก่อนจะหันไปทำงานมูลนิธิชื่อ ‘มูลนิธิต้นตระกูลกมลวิศิษฎ์’ จนกระทั่งถูกเปิดโปงเรื่องส่วย จนได้รับฉายา ‘เสี่ยอ่าง’
นอกจากนี้แล้ว ชูวิทย์ยังเป็นเจ้าของโรงแรม The Davis Bangkok Hotel และเจ้าของที่ดินชื่อ ‘สวนชูวิทย์’ ทั้งยังเป็นกรรมการผู้จัดการใน บริษัท ภาติฌาน จำกัด, บริษัท ซี.ดี แลนด์ จำกัด, เจ้าของ บริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด, กรรมการบริษัทสุขุมวิท ซิลเวอร์สตาร์ และ ประธานบริษัท เดวิสกรุ๊ป ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด อีกด้วย
ผลงานการเมือง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ชูวิทย์ได้เข้าสู่แวดวงการเมืองในปี 2547 ด้วยการลงสมัคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีผลคะแนนออกมาเป็นลำดับที่ 3 ก่อนจะนำพรรคของตัวเองอย่าง ‘ต้นตระกูลไทย’ ไปรวมกับพรรค ‘ชาติไทย’ แล้วขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค
อีกหนึ่งปีต่อมาชูวิทย์ได้ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทย (ส.ส.) ก่อนจะถูกให้พ้นสภาพเนื่องจากยังทำงานไม่ครบจำนวน 90 วันหลังเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย จึงได้หันไปลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แต่ก็ถูกเพิกถอนอีกครั้ง เนื่องจากยังลาออกจากตำแหน่งส.ส. ไม่ครบ 1 ปี
หลังจากนั้นชื่อเสียงของชูวิทย์ ก็ได้ปรากฏลงในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับต่าง ๆ อยู่เรื่อย ๆ ทั้งข่าวการลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งใหม่ และการทำร้ายร่างกายผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ ก่อนที่จะกลับมาลุยงานด้านการเมืองอย่างจริงจังในปี 2551 โดยการตั้งพรรค ‘สู้เพื่อไทย’ ด้วยสโลแกน “แตกต่างแต่ไม่แตกแยก”
จากนั้นในปี 2553 ชูวิทย์ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ‘รักประเทศไทย’ ซึ่งมีสโลแกนว่า “ฉันรักคุณ” ทำให้มีบทบาทในฐานะส.ส. บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย ก่อนจะขยับมาเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจสภาผู้แทนราษฎรในเวลาต่อมา
สรุปไทม์ไลน์ ประสบการณ์การเมืองชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
- ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2547
- หัวหน้าพรรคต้นตระกูลไทย
- รองหัวหน้าพรรคชาติไทย
- ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทย
- ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2551
- หัวหน้าพรรคสู้เพื่อไทย
- หัวหน้าพรรครักประเทศไทย
- ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย
- รองประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจสภาผู้แทนราษฎร
ในปัจจุบันสุวิทย์ได้แต่งงานไปแล้วทั้งหมด 2 ครั้ง โดยครั้งแรกแต่งกับเคต ดับเบิลยู จอห์นสัน (Kate W Johnson) ชาวแคนาดา-อเมริกัน มีลูกด้วยกัน 2 คน และครั้งที่ 2 แต่งกับนางงามตา กมลวิศิษฎ์ (สุขนิรันดร์) มีลูกด้วยกันทั้งหมด 4 คน โดยทั้งคู่ได้เลิกลากันไปแล้ว
ปัจจุบันชูวิทย์ได้มีบทบาทในฐานะ ผู้เปิดโปงข้อมูลกลุ่มทุนจีนในประเทศไทย ที่กำลังกลายเป็นเรื่องน่าจับตามองของสังคม ซึ่งหากใครที่อยากอัปเดตรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามที่ Facebook : ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กันได้เลย.
ภาพจาก FB : ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์