ปมเงินกู้สวัสดิการซื้อบ้านชนวนเหตุกราดยิง แฉพยานถูกขู่เอาชีวิต
เงินกู้สวัสดิการซื้อบ้านชนวนเหตุโศกนาฏกรรม จ่าคลั่งกราดยิงโคราช สองสาวนักธุรกิจขายบ้านหอบหลักฐานแฉ ขอเข้าคุ้มครองพยานหลังถูกขู่เอาชีวิต
จากกรณีที่ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พาผู้เสียหายหญิงสาวนักธุรกิจขายบ้านให้กับกำลังพลกองทัพบกเข้ายื่นคำร้องขอเข้าคุ้มครองพยานพร้อมหลักฐาน ภาพจากกล้องวงจรปิดและเอกสารต่างๆ
หลังถูกนายทหารยศนายพลของกองทัพบกข่มขู่คุกคามเพราะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินของกรมสวัสดิการกองทัพบกที่ไม่เป็นธรรมและเป็นเหตุให้ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ก่อเหตุกราดยิงมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ก่อนถูกวิสามัญฆาตกรรมในห้างเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา เหตุเกิดระหว่างวันที่ 8-9 ก.พ.63
โดยหนึ่งในผู้เสียหาย เผยว่า ตัวเองเป็นผู้ประกอบการสร้างบ้านขายให้กับกำลังพลของกองทัพบก แต่ไม่ทราบว่าถูกหักเงิน 5% เพราะถูกกรมสวัสดิการเก็บไว้อ้างเป็นค่าธรรมเนียมของกองทัพบก กระทั่งมาทราบความจริงว่า กองทัพบกไม่มีระเบียบในการจัดเก็บ ส่วนต่าง 5% ดังกล่าว
การที่ผู้เสียหายถูกหักเปอร์เซนต์เป็นการเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเองของนายทหารคนหนึ่งของกรมสวัสดิการทหารบก
อย่างไรก็ตามภายหลังผู้เสียหายไปสืบทราบว่า ส่วนต่าง 5% ทีทาง
ด้าน ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกระบวนการกู้ยืมเงินสวัสดิการทหารบกว่าเป็นอย่างไรและมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง พร้อมให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ดูแลคุ้มครองพยาน และ ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมช่วยตรวจสอบว่าจะให้ดำเนินคดีในข้อหาอะไรได้บ้าง หากมีเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์จริง
โฆษกทบ. แจงเร่งรวมข้อมูลขู่ ย้ำเรื่องนานแล้ว ไม่เกี่ยวเหตุกราดยิง
ภายหลังข่าวผู้เสียหายจากกรณีปมปัญหาเงินกู้สวัสดิการซื้อบ้าน พล.ท.นิรันดร ศรีคชา รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะโฆษกกองทัพบก (โฆษก ทบ.) ได้ออกมาสัมภาษณ์ถึงกรณีแล้วว่า เรื่องนี้ เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล แล้วจะรายงานให้ตนทราบ พร้อมย้ำเรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้ว และไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์กราดยิงที่โคราช
สำหรับผู้เสียหายที่มาขอคุ้มครองพยาน เปิดข้อมูลว่ากำลังพลที่ซื้อบ้าน เป็นผู้เสียหาย และมีหลายรายที่กู้ยืมเงินจากสวัสดิการทหารบก ซึ่งทางกรมฯ อ้างว่า จะต้องหักค่าธรรมเนียมกองทัพบก 5% และหักเงินส่วนต่างอีก แต่กำลังพลได้มาทวงถามเงินคืนจากผู้ประกอบการ ทั้งๆที่เงินถูกหักมาตั้งแต่สวัสดิการกองทัพบกแล้ว จึงหวั่นเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยที่ จ.นครราชสีมา