ข่าวดาราบันเทิง

ลูกชาย ‘วิทยา ศุภพรโอภาส’ แถลง สาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของพ่อ

‘เป้ ศุภวิทย์’ ลูกชาย ‘เสี่ยแหบ วิทยา ศุภพรโอภาส’ ตั้งโต๊ะแถลง สาเหตุการ เสียชีวิต ที่แท้จริงของพ่อ ยันไม่ได้จากไปด้วยโรคมะเร็งปอด

จากกรณีข่าวของ ‘เป้ ศุภวิทย์ ศุภพรโอภาส‘ ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงสาเหตุการ เสียชีวิต ของคุณพ่อ ‘เสี่ยแหบ วิทยา ศุภพรโอภาส‘ ว่า ท่านไม่ได้จากไปด้วยโรค มะเร็งปอด พร้อมประกาศเตรียมแถลงข่าวสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของคุณพ่อ

Advertisements

ล่าสุด (28 เม.ย.) ทาง เป้ ศุภวิทย์ ลูกชาย วิทยา ศุภพรโอภาส ก็ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อชี้แจงต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับประเด็นการเสียชีวิตที่หลาย ๆ คนสงสัยในงานบำเพ็ญกุศล 16:00 น. ณ ศาลาเมรุ วัดราชวรินทร์ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ โดยระบุว่า

“จริง ๆ แล้วคุณพ่อไม่ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งแต่อย่างใด กรณีที่คุณพ่อเสียชีวิตเริ่มต้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ท่านตรวจพบมะเร็งลำไส้ขั้นที่ 1 ก็ได้เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัด-ให้คีโมที่ โรงพยาบาล BNH จนหาย หลังจากนั้นก็มีการตรวจร่างกายอย่างละเอียดทุกปี ก็ไม่พบว่ามีมะเร็งแต่อย่างใด

โดยตรวจครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 ก็ยังไม่พบเชื้อมะเร็ง กระทั่งเดือนกันยายน คุณพ่อเริ่มมีอาการไอเป็นเลือดก็เลยไม่ตรวจที่โรงพยาบาล หมอจึงวินิจฉัยว่าเป็นกล่องเสียงอักเสบเพราะไอเยอะเกินไป แต่เพื่อความชัวร์คุณหมอเลยทำการเอ็กซ์เรย์ปอด พบก้อนมะเร็งที่ปอดทั้ง 2 ข้าง

คุณพ่อจึงทำการวางแผนการรักษากับทางทีมแพทย์มาตั้งแต่ตอนนั้น โดยให้คีโมทั้งหมด 8 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 8 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2564 ที่ตรวจพบ จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เมื่อจบแผนการให้ยาทางคุณหมอก็ได้มีการแนะนำให้ผ่าเอาก้อนมะเร็งที่ฝ่อแล้วออก เพื่อให้ท่านอยู่ได้อย่างน้อยอีก 10 ปี

Advertisements
วิทยา ศุภพรโอภาส
ภาพ: Facebook สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

จนเมื่อเดือนมีนาคม คุณพ่อจึงได้ตัดสินทำการผ่าตัดตามที่คุณหมอแนะนำ โดยก่อนผ่าก็ได้มีการตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้ว เริ่มผ่าตัดวันที่ 3 เมษายน เวลา 8:00 น. ที่ โรงพยาบาล BNH การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง จนเวลา 15:00 น. หลังจากที่คุณพ่อผ่าตัดเสร็จและเข้าพักที่ห้อง ICU ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากญาติที่เป็นหมอแจ้งว่า คุณพ่อฟื้นแล้ว และสามารถทักทายโต้ตอบได้ดี

เวลา 03:00 น. ของวันที่ 4 เมษายน ทางโรงพยาบาลโทรฯ มาบอกว่า คุณพ่ออาการไม่ดี ให้รีบมาด่วน กระทั่งไปถึงที่โรงพยาบาลเวลา 04:00 น. พบทีมแพทย์กำลังช่วยชีวิตคุณพ่ออยู่ กระทั่งมีแพทย์ท่านหนึ่งจาก โรงพยาบาลจุฬาฯ เดินมาบอกว่า คุณพ่ออยู่ในภาวะวิกฤต เลือดออกในปอด หายใจเองไม่ได้ จะต้องขอยืมเครื่องผยุงปอดและหัวใจ (เครื่อง ECMO) มาจาก โรงพยาบาลจุฬาฯ และเมื่อช่วยเสร็จทางทีมแพทย์จะต้องทำการส่งตัวคุณพ่อไปรักษาต่อที่ โรงพยาบาลจุฬาฯ

วิทยา ศุภพรโอภาส
ภาพ: Facebook ไกรเดช บุนนาค

พอเวลา 07:00 น. คุณหมอโทรฯ มาเรียกไปที่ห้อง ICU บอกว่า เครื่อง ECMO มาถึงแล้ว ขณะนี้กำลังติดตั้งให้กับคุณพ่อ จน 10:00 น. ทีมแพทย์จากจุฬาฯ ก็เดินทางมาถึงพร้อมกับรถ Mobile ICU เพื่อเคลื่อนย้ายคุณพ่อไปรักษาต่อที่ โรงพยาบาลจุฬาฯ

โดยคุณพ่อไปถึงโรงพยาบาลตอน 12:00 น. ในห้อง ICU กระทั่งเวลา 14:00 น. คุณหมอก็ได้เดินออกมาบอกว่า อาการของปอดและหัวใจคุณพ่อคงที่แล้ว และยังได้เล่าถึงเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนที่คุณพ่ออาการทรุดว่า ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมาคุณพ่อมีอาการหายใจลำบาก ทางทีมโรงพยาบาล BNH จึงได้ทำการสอดเครื่องช่วยหายใจให้กับคุณพ่อ แต่เนื่องจากปอดได้รับการผ่าตัดมาทั้งสองข้าง ทำให้ปอดคุณพ่อแตกและมีเลือดออก เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ

หลังจากให้ใส่เครื่อง ECMO อาการของคุณพ่อก็กลับมาดีขึ้น แต่มีข้อที่น่าเป็นห่วงอยู่ 2 ข้อ 1. คุณหมอกลัวว่าคุณพ่อจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน 2. อาจจะต้องตัดแขนซ้ายพ่อทิ้ง เนื่องจากระหว่างการช่วยเหลือได้มีการสอดใส่อุปกรณ์ทำให้เลือดไปไหลเวียนที่มือไม่ได้ ทำให้มือตาย

ผ่านไป 3-4 วัน ก็ได้รับการยืนยันจากทีมแพทย์ว่า สมองคุณพ่อตายแล้ว สุดท้ายเวลาผ่านไปอีก 2 สัปดาห์ เช้าวันที่ 18 เมษายน คุณหมอหมดลม ผมก็กลับมาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่า มันผิดปกติ มีประเด็น 3-4 ประเด็นที่ผมสงสัย 1. การประเมินของทีมแพทย์ที่ผ่าตัดปอดทั้ง 2 ข้างพร้อมกันว่า ถูกต้องมั้ย ? และเตรียมความพร้อมไว้แค่ไหน ? 2.หลังคุณพ่อฟื้น เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเกิดวิกฤตขึ้นมาได้ ? ทั้ง ๆ ที่คุณพ่ออยู่ ICU 3. การใช้เครื่องช่วยหายใจจนคุณพ่อปอดฉีก ทำถูกวิธีไหม ? 4. การยืมเครื่อง ECMO ใช้เวลา 3 ชั่วโมงกว่า เหตุใดจึงไม่มีการเตรียมการเครื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรก ถ้ารู้อยู่แล้วว่าที่โรงพยาบาลไม่มีเครื่องนี้ ควรที่จะตัดสินใจผ่าตัดที่นั่นหรือเปล่า ?

ซึ่งหลังจากที่เกิดเรื่องทางโรงพยาบาลปฏิเสธการรับผิดชอบ โดยอ้างว่าได้ทำการตามมาตรฐานเรียบร้อยครบถ้วนแล้ว จึงทำให้ผมและญาติติดใจจึงได้ทำการยื่นเรื่องขอชันสูตรพลิกศพคุณพ่อ เพื่อต้องการหาสาเหตุที่เกิดขึ้น และดำเนินการทางกฎหมายต่อไป”

สรุปได้ว่า วิทยา ศุภพรโอภาส เสียชีวิต จาก ภาวะสมองตาย ซึ่งเกิดจากการช่วยเหลือที่ผิดพลาดและล่าช้า ตามที่ เป้ ศุภวิทย์ ศุภพรโอภาส เคยชี้แจงไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ทางทีมงาน ‘The Thaiger‘ ก็ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มา ณ ที่นี้

 

Vanrasa J.

นักเขียนข่าวสายบันเทิงไทย ฮอลลีวูด เกาหลี และต่างประเทศ อัปเดตคอนเทนต์ข่าวสารเกี่ยวกับดารา หนัง ซีรีส์ เพลง แฟชั่นและความงาม ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านมุมมองความสร้างสรรค์และน่าสนใจ การันตีด้วยประสบการณ์มากกว่า 2 ปี ประเด็นไหนที่ติดเทรนด์จะต้องมีชื่อของ The Thaiger ร่วมตีแผ่เสมอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button