‘ตั๊ก นภัสกร’ เผยชีวิตรัก 20 ปี กับ ‘ป๊อก ปิยธิดา’ ฝ่าฟันดราม่าเกาะกระแสความดังภรรยา พร้อมแจงสาเหตุที่ไม่มีลูก
ช่วงเวลาเลยผ่านเข้าปีที่ 20 แล้ว สำหรับเส้นทางรักของคู่รักคนดังนักแสดงหนุ่ม ‘ตั๊ก นภัสกร มิตรธีรโรจน์‘ กับนักแสดง-พิธีกรสาว ‘ป๊อก ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์‘ ล่าสุด (25 เม.ย.) หนุ่ม ตั๊ก ก็ได้ออกมาเปิดเผยชีวิตรักที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคดราม่าเกาะกระแสความดังภรรยา พร้อมแจงสาเหตุที่ไม่มีลูก ผ่านรายการ ‘คุยแซ่บShow‘ ทางช่อง ‘one31‘ โดยมี ‘พีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร‘, ‘ชมพู่ ก่อนบ่าย‘ และ ‘ตั๊กแตน ชลดา ทองจุล‘ รับหน้าที่เป็นพิธีกร ระบุว่า
คิดว่าตัวเองคลั่งรักภรรยามั้ย ?
“เราไม่ได้คลั่งครับ แต่เรารักเป็นประจำ คบกันตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ทั้งหมด 20 ปี ก่อนแต่ง 10 ปี หลังแต่ง 10 ปี”
ทั้งคู่เจอกันได้ยังไง ?
“ด้วยเหตุบังเอิญ ผมไปกินข้าว ตอนนั้นเล่นละครเวที ซ้อมเสร็จก็ไปกินข้าว ดึกแล้วเที่ยงคืน ตอนนั้นเจอไม่รู้ว่าเค้าเป็นดารา เราไม่ได้อยู่ในโลกสื่อมากนัก เค้าดัง ผมประเภทอยู่กับความมืด ซ้อมละครเวทีเลิกดึกตื่นเช้าก็ไปซ้อมอีกชีวิตก็อยู่กับมัน”
เมื่อก่อนการคบกันยังไม่เปิดตัว เราใช้ชีวิตยังไงบ้าง ?
“ไม่ได้ปิดบังอะไร ไม่ถึงขนาดแอบเพราะเราเจอกันตอนค่ำ ต่างคนต่างไปทำงานกลับมากินข้าวกัน เมื่อก่อนยังไม่มีสื่อมือถือถ่ายรูป ไม่มีโซเชียล”
ตัดสินใจเปิดตัวอย่างเป็นทางการนานมั้ย ?
“ผมค่อย ๆ ไป อยู่ที่ตัวผู้หญิงถ้าเค้าพร้อมไม่พร้อมอยู่ที่คุณเลย ผมไม่เคยเร่งรัดหรืออะไรทั้งสิ้น อยู่ที่เค้าพอใจ เค้าเปิดตัวเองครับ”
เปิดแล้วเจอปัญหาเลยตอนนั้นพี่ป๊อกดังมากเป็นนางเอก จนมีข่าวว่าเกาะพี่ป๊อกดัง ?
“ไม่โกรธเข้าใจ เราก็กลับมามองตัวเอง กลางวันมีไปด้วยกันบ้าง เค้าไม่รู้จักเรา มีคนขอถ่ายรูปกับป๊อกเยอะมากเขาก็ขอความช่วยเหลือเราก็เข้าไปช่วย บางทีก็โดนด่าด้วย ผมก็ขอโทษให้น้องเค้าไปพักก่อน เหมือนเป็นผู้จัดการส่วนตัวไปเลย มีโดนไล่ด้วย”
เอาคำดูถูกมาพัฒนาตัวเอง ?
“เคยได้ยินว่าคบกับป๊อกแล้วได้ขึ้นลิฟต์แล้วนะไม่ต้องขึ้นบันได ก็แรงอยู่ เราไม่ได้โกรธเค้า เรามานั่งดูตัวเองดีกว่าใช้สติปัญญาความสามารถตัวเองพิสูจน์ เราพัฒนาด้านการแสดงเป็นหลัก ต้องพยายามหลายอย่าง ค้นหาวิธีว่าเล่นละครเวทีกับละครทีวีปรับยังไง ดูจากคนอื่น เก็บประสบการณ์ เรียนเพิ่มเติม เราอยากพัฒนาเพื่อให้เค้า เราเติบโตมีศักดิ์ศรีเพื่อเค้าได้”
ไม่อยากมีลูก ?
“ก่อนจะแต่งงานเคยคุยกันเรื่องนี้ เราไม่ซีเรียส ตอนก่อนแต่งถ้าเรามีแล้วเราทำงานไม่มีเวลาดู เรารู้สึกว่าเราไม่ได้รับผิดชอบเค้าเต็มที่ พอแต่งงานรู้สึกว่าไม่มีลูกก็ดีเหมือนกัน เพราะว่าเราอาจจะดูแลเค้าไม่เต็มที่ พอมาถึงปัจจุบันเรารู้สึกว่าเราพี่สาวเค้ามีลูก พี่สาวผมก็มีลูก เราให้สิ่งนี้กับลูกหลานเท่าที่เราให้ได้
ชีวิตเราตอนนี้เห็นว่าอยู่ยากการแข่งขันมันสูง การให้คนดีๆ สักคนเกิดขึ้นในสังคมผมว่าเอาตรงนั้นดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกใครก็แล้วแต่ช่วยกันทำให้เค้าเติบโตแล้วมันจะไปได้สวย บั้นปลายเราจะเห็นสิ่งรอบข้างที่หนึ่งคนเอฟเฟ็กต์กับทั้งโลกอ่ะ คนๆคนนึงสามารถเปลี่ยนชะตาทั้งโลกได้ อีกเรื่องนึงคือเค้าไม่ได้อยากให้ใครต้องมาดูแล”
เพราะอะไร ?
“ทุกวันนี้เราทำงาน ถ้าเราบังคับให้ลูกต้องมาดูแลเราอีกมันแฟร์กับเค้าเหรอ เราคิดเองนะครับในมุมของเรา ให้เค้ามีชีวิตของเค้าก่อน ให้เค้าทำหน้าที่ของเค้าให้เต็มที่ ไม่ใช่ว่าแบบโตขึ้นต้องเลี้ยงฉันนะ มันกดดันตั้งแต่แรก มันควรเกิดจากความคิดเค้าเอง ไม่ใช่ความคิดจากของเราไปบอกเค้าว่าต้องทำ”