กรมทางหลวงชนบท เตรียมก่อสร้าง สะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์
กรมทางหลวงชนบทเตรียมเดินหน้าสร้าง สะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ บรรเทาการจราจรและบริเวณคอขวดบนถนนราชพฤกษ์ คาดเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างกลางปี 2565
(17 ม.ค. 2565) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม เตรียมดำเนินโครงการก่อสร้าง สะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร เพิ่มประสิทธิภาพบนทางขนานถนนราชพฤกษ์ ทั้งสองฝั่งเป็นการสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของกระทรวงคมนาคม เชื่อมโยงโครงข่ายพื้นที่จากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดนนทบุรีได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า จากอัตราการเจริญเติบโตของ การใช้ที่ดินในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยามีการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะถนนราชพฤกษ์ที่มีปริมาณการจราจรมากถึง 70,000 คันต่อวัน ทำให้ถนนราชพฤกษ์ไม่สามารถรองรับปริมาณการจราจรที่หนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วน ส่งผลให้ประสิทธิภาพของถนนราชพฤกษ์ลดลง เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนและมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงบริเวณสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ที่ยังมีสภาพเป็นคอขวดมีการจราจรติดขัด เนื่องจากเขตทางไม่เพียงพอที่จะก่อสร้างทางขนานในรูปแบบทั่วไปได้
ทช. จึงต้องดำเนินการกำหนดรูปแบบสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ให้อยู่ในเขตทางเดิม ซึ่งจะสามารถลดปัญหาสภาพคอขวดและการจราจรในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน ทช. ได้เตรียมดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี มีลักษณะการก่อสร้างเป็นสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ขนาด 2 ช่องจราจร ต่อทิศทางบนทางขนานถนนราชพฤกษ์ ซึ่งโครงสร้างเสาและโครงสร้างส่วนบนจะเป็นโครงสร้างเหล็ก เพื่อให้งานก่อสร้างดำเนินไปอย่างรวดเร็วและมีผลกระทบกับการจราจรบนถนนราชพฤกษ์ให้น้อยที่สุด
โดยมีจุดเริ่มต้นงานก่อสร้างประมาณ กม. ที่ 12+850 และไปสิ้นสุดงานก่อสร้างประมาณ กม. ที่ 15+100 สะพานฝั่งทิศตะวันออกยาวประมาณ 2.1 กิโลเมตร และสะพานฝั่งทิศตะวันตกยาวประมาณ 1.9 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 1,200 ล้านบาท เป็นงบผูกพัน 3 ปี (2565 – 2567)
ขณะนี้โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อ จัดจ้างและคาดว่าจะสามารถเริ่มเข้าพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างได้ในเดือนกรกฎาคม 2565 ต่อไป
แหล่งที่มาของข่าว : รัฐบาลไทย
สามารถติดตามข่าวทั่วไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวทั่วไทย