8 จุดดำน้ำห้ามพลาดในไทย แหวกว่ายสู่ใต้ท้องทะเล เดินเล่นเป็นเพื่อนปลา

8 จุดดำน้ำห้ามพลาดในไทย ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมแบกถังออกซิเจน สวมตีนกบ ทิ้งตัวลงสู่ใต้ท้องทะเลกันเลย แล้วจะรู้ว่า ใต้น้ำมีอะไรมากกว่าปลาและปะการัง

ประเทศไทยเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงดงามตามธรรมชาติ รวมถึงหมู่เกาะหลายแห่งก็เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมาก มาพร้อมกิจกรรมดำน้ำซึ่งเป็นกิจกรรมยอดนิยมสำหรับการมาเที่ยวเกาะเช่นกัน เพราะการได้เห็นแนวปะการัง รวมถึงสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ แหวกว่ายอยู่ใต้ผืนน้ำทะเล เป็นสิ่งสวยงามที่ใครก็ไม่อยากพลาด 8 จุดดำน้ำห้ามพลาดในไทย บอกได้เลยว่าไม่ว่าคุณจะตกลงปลงใจไปเที่ยวทะเลฝั่งอันดามันหรือฝั่งอ่าวไทย สิ่งที่คุณจะได้เห็นและไม่มีวันลืมหลังจากดำน้ำก็คือความตระการตาของทิวทัศน์ใต้ท้องทะเลนั่นเอง

8 จุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไทย

1. Sail Rock (หินใบ) เกาะเต่า

เกาะเต่า หนึ่งในสถานที่ดำน้ำที่ดีที่สุดในไทย ทิวทัศน์ของโลกทะเลที่น่ามหัศจรรย์และได้รับการรับรองมาตรฐานการดำน้ำจาก PADI ไม่เคยดำน้ำมาก่อนก็ไม่เป็นไร เพราะที่นี่มีนักดำน้ำที่มีประสบการณ์พร้อมดูแลคุณตลอดการดำน้ำ

จุดดำน้ำของเกาะเต่าแห่งหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดเลยก็คือ Sail Rock หรือที่เรียกกันว่า หินใบ อยู่ห่างจากเกาะโดยใช้เวลานั่งเรือประมาณ 90 นาที วิวใต้น้ำที่คุณจะได้สัมผัสคุ้มค่ากับการเดินทางมาแน่นอน เหมาะสำหรับคนรักกิจกรรมดำน้ำลึกและอยากสัมผัสชีวิตของสัตว์ทะเลอย่างแท้จริง เพราะที่นี่อยู่ห่างจากเกาะพอสมควร มีจุดดำน้ำที่ลึกถึง 40 เมตร ฝูงปลามหาศาล และถ้ำใต้น้ำที่รอผู้กล้าเข้าไปพิชิต

2. หมู่เกาะสิมิลัน

ด้วยพื้นที่ที่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะแห่งนี้จึงมีสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่คงความอุดมสมบูรณ์ไว้มากมาย อยู่ห่างจากภูเก็ตประมาณ 100 กิโลเมตร มีชื่อติดในโพล 11 เกาะที่เหมาะสำหรับการดำน้ำที่สุดในโลก รองรับทั้งกิจกรรมดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก ปะการังในน้ำทะเลใสเป็นภาพที่นักดำน้ำทั่วโลกอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง เพราะหมู่เกาะแห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่วิวใต้น้ำ แต่วิวบนเกาะก็สวยงามสุด ๆ อยากเที่ยวและดำน้ำที่ทะเล หมู่เกาะสิมิลันเนี่ยห้ามพลาดเลย

3. หมู่เกาะสุรินทร์

หมู่เกาะสุรินทร์ก็เป็นสถานที่ดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกอีกแห่ง อยู่ในทะเลอันดามัน เขตจังหวัดพังงา เป็นเกาะที่อยู่ไกลที่สุดจากทางชายฝั่งตะวันตก น้ำทะเลใส เป็นแหล่งรวมของสัตว์น้ำอย่างปลากระเบนราหู ฉลามวาฬ และสัตว์ทะเลอื่น ๆ

แม้ว่าจะเป็นหมู่เกาะยอดนิยมแต่ก็ยังคงมีบรรยากาศที่สงบ เพราะการเดินทางมาเที่ยวหมู่เกาะสุรินทร์ให้สนุกต้องวางแผนกันดี ๆ ก่อนสักนิด ทำให้นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่านมากนัก ขอย้ำอีกรอบว่าแนวปะการังที่นี่ยังคงสภาพไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะเป็นพื้นที่ที่ UNESCO เข้ามาอนุรักษ์ตั้งแต่ปี 2524 กันเลยทีเดียว

4. เรือหลวงช้าง เกาะช้าง

มาถึงจุดดำน้ำที่มีมากกว่าปะการังและชีวิตสัตว์น้ำกับจุดดำน้ำ เรือหลวงช้าง เกาะช้าง ซากเรือที่ใหญ่ที่สุดในไทย ซึ่งซากเรือนี้ถูกจมลงในปี 2555 เพื่อทำแนวปะการังเทียม ลึกลับแต่ไม่น่ากลัวนะ นับจนถึงตอนนี้ก็เกือบครบ 9 ปีเต็มแล้วที่เรือหลวงช้างลงสู่ใต้ท้องทะเล

เรือหลวงช้างแห่งนี้เหมาะสำหรับกิจกรรมดำน้ำลึกสุด ๆ เพราะความสูงจากก้นทะเลถึงส่วนบนสุดของเรือ ลึกถึง 30 เมตร และตัวเรือยาวถึง 100 เมตร ไปสำรวจอดีตความยิ่งใหญ่ของเรือรบหลวงช้าง 712 กันได้เลยที่เกาะช้าง

5. Shark Point ภูเก็ต

ใครสายลุยต้องรักที่นี่ จุดดำน้ำที่อยู่ห่างจากเกาะภูเก็ตนั่งเรือไปประมาณ 90 นาที แต่อย่าเพิ่งกลัวแค่เพราะคุณมีภาพจำว่าเหล่าฉลามนั้นโหดร้าย เพราะจริง ๆ แล้วน้องฉลามค่อนข้างเป็นมิตรกับนักดำน้ำกว่าที่คุณรู้

หากมาดำน้ำที่ Shark Point ก็อาจจะได้เจอกับฉลามเสือดาว รวมถึงสิ่งมีชีวิตใต้น้ำอื่น ๆ ทั้งปลาหลากสี ปะการัง ปลาไหลมอเรย์ เอาเป็นว่าคนรักธรรมชาติใต้น้ำจะต้องรู้สึกใจฟูแน่นอน เหมาะกับคนอยากจะลองดำน้ำทุกคน ทั้งคนชำนาญหรือคนเพิ่งเริ่มต้นแต่ใจรัก เพราะความลึกในการดำน้ำมีตั้งแต่ 10 เมตรไปถึง 30 เมตรเลยล่ะ

6. เกาะม้า

มาต่อกันที่ เกาะม้า จุดดำน้ำที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นดำน้ำที่อยากได้ใบรับรองการดำน้ำ แต่ถึงแม้จะเป็นการดำน้ำในระดับเบื้องต้นแต่ใช่ว่าความสวยของโลกใต้ทะเลที่มีจะลดลง เกาะม้าเป็นที่อยู่ของสัตว์ทะเลมากมาย ทั้งปลานกแก้ว ปลาสาก มีหาดแม่หาดเชื่อมระหว่างเกาะม้าและเกาะพะงัน ไม่จำเป็นต้องเดินทางด้วยเรือเหมือนจุดดำน้ำแห่งอื่น ๆ ถ้าอยากพักผ่อนดำน้ำในบรรยากาศสงบ เดินทางไม่ไกลจากเกาะพะงันละก็ ต้องมาที่เกาะม้าแห่งนี้เลย

7. ซากเรือคิงครุยเซอร์ ภูเก็ต

หลังจากพบกับเรือหลวงช้างแล้ว คราวนี้เรามากันที่ซากเรือที่อัปปางลงของจริงกันบ้าง ถึงแม้ว่าจะเกิดจากการจมเพราะท้องเรือชนเข้ากับยอดปะการัง Anemone Reef แต่เหตุการณ์ในเดือนพฤษภาคม ปี 2520 นั้นทุกคนได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย

เมื่อเหตุกาณ์ผ่านไปแล้ว คิงส์ครุยเซอร์ จึงเหลือเพียงบทบาทของจุดดำน้ำที่นักท่องเที่ยวต่างก็นิยมมาดำน้ำ เพราะซากเรือได้กลายเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล ปะการังที่สวยงามจนต้องตาค้าง กับความลึกของตัวเรือที่ 33 เมตรและความยาว 85 เมตร ในตำแหน่งจมที่ตั้งตรง ราวกับรอให้ผู้คนมาสำรวจความงามยามอยู่ใต้ทะเลของมัน

8. หินแดงและหินม่วง เกาะลันตา

แหล่งดำน้ำทั้ง 2 แห่งนี้เป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา อ่าวพังงา ให้บรรยากาศของการพักผ่อนอันเงียบสงบอย่างแท้จริง ตั้งชื่อของสถานที่ตามเฉดสีของปะการัง หินแดงก็คือปะการังเป็นเฉดสีแดง ส่วนหินม่วงก็คือปะการังในบริเวณนั้นมีสีม่วงอ่อน เป็นแนวปะการังที่ต้องถูกใจคนรักการดำน้ำลึกแน่นอนเพราะแนวปะการังตั้งเป็นแนวสูง มีความลึกถึง 60 เมตรเลย

แหล่งดำน้ำดี ๆ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลเพราะจุดดำน้ำในไทยได้ชื่อว่าเป็นจุดดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกหลายแห่ง ท่องเที่ยวได้แต่ต้องเที่ยวอย่างระมัดระวัง ดูแลและไม่ทำลายความงดงามที่ธรรมชาติได้แบ่งปันให้เราได้ชม เพื่อให้คนอื่น ๆ ได้สัมผัสกับความงามเช่นนี้ไปอีกนานแสนนาน

• ติดตามเราได้ที่ :
•