‘อนุทิน’ โวตั้ง เป้าฉีดวัคซีนโควิด ปี 64 ไว้ 80% ชี้ฉีดวัคซีนเร็วกว่าที่คาด
อนุทิน เผยเดือนนี้อาจฉีดวัคซีนได้เกิน 70% ตั้ง เป้าฉีดวัคซีนโควิด ในปี 2564 ไว้ที่ 80% ชี้ฉีดวัคซีนเร็วกว่าที่คาดเอาไว้
นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้ว่า ตอนนี้ต้องจับตามองการระบาดในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นการระบาดในครัวเรือนหรือในชุมชนก็ต้องเข้าไปล้อมกรอบ จำกัดการแพร่กระจายออกนอกพื้นที่ ดูแลรักษากันในนั้น ภายใต้ระบบ Community Isolation ไปจนถึงการแยกไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม
พร้อมกันนี้ ขอให้ผู้นำชุมชนสร้างความเข้าใจถึงเรื่องความจำเป็นของการรับวัคซีนโควิด-19 ทางกระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าว่าภายในเดือน พ.ย. สถานการณ์น่าจะคลี่คลาย เพราะสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้า จะเห็นว่า ยอดผู้ป่วยยังทรงตัว ไม่เพิ่มไปจากเดิม เพราะได้วัคซีนเข้ามาช่วย
ขณะนี้ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 50% และในเดือนนี้อาจได้ถึงตัวเลข 70% น่าจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ระดับป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ จากนั้นในเดือน พ.ย. จะระดมฉีดเข็ม 2 ทันที ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อยังจะมีรายงานเข้ามา แต่ยอดการป่วยหนักและเสียชีวิตจะน้อยลงแน่นอน เพราะคุณสมบัติของวัคซีนคือป้องกันป่วย และป้องกันการสูญเสีย
ส่วนการตั้งศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศบค.ส่วนหน้า มองว่าเป็นการช่วยกันทำงาน เพราะการคุมโควิดต้องบูรณาการงานระหว่างหลายภาคส่วน งานด้านความมั่นคง ก็ต้องให้ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ดูแลไป แต่เรื่องการรักษาโรคต้องยกให้แพทย์ จะให้แพทย์ไปทำงานแบบโปลิศจับขโมยก็ไม่ได้
สำหรับภาพรวมทั่วประเทศ ให้บริการวัคซีนได้มากกว่า 65 ล้านโดสแล้ว ถือว่าเร็วกว่าที่คาดกันเอาไว้ ส่วนหนึ่งเพราะเราฉีดกับเด็กด้วย จากที่ไม่มีแผนนี้ตั้งแต่แรก นอกจากนั้น วัคซีนก็เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ คาดว่าเราจะฉีดได้มากกว่า เป้าที่วางไว้ว่าจะฉีดให้ได้ 70% ของประชากร ซึ่งผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเห็นว่า เรามองเป้าที่ 80% ได้เลย
เมื่อก่อนฉีดได้วันละ 6 แสนโดสก็เยี่ยมแล้ว ปัจจุบันบางวันสามารถฉีดได้แตะ 1 ล้านโดส วัคซีนเข้ามาต่อเนื่อง เราเร่งตรวจสอบ ส่งเข้าระบบบริการอย่างต่อเนื่อง การให้บริการรวดเร็ว แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามการพิจารณาของแพทย์ ต้องมีทั้งปริมาณ และคุณภาพด้วย
“ขอย้ำว่า ประเทศไทยมีวัคซีนแล้ว มาจากหลากหลายเทคโนโลยี ในปีหน้าคาดว่าจะมีวัคซีนของไทยเข้าสู่ระบบริการด้วย เพราะหลายทีมผู้ผลิตมีความคืบหน้าไปมาก อาทิ ทีมขององค์การเภสัชฯ และทีมของจุฬาฯ โดยเราไม่ได้วางแผนฉีดแค่ 2 เข็ม แต่เรามองไปถึงเข็มบูสเตอร์แล้ว ประสบการณ์ทำให้เรามีความรู้เรื่องวัคซีนและการจัดหามากขึ้น และขอยืนยันไทยจะจัดหาวัคซีนที่ดีและสอดคล้องกับสถานการณ์มากที่สุด”
นายอนุทิน ยังระบุต่อไปอีกว่า คณะนักวิชาการของไทยเก่งมาก สามารถปรับการใช้วัคซีนให้สอดคล้องกับการระบาด เป็นที่มาของสูตรวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) และแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ในอนาคตจะมีการปรับอีก ไปจนถึงการฉีดเข็ม 3 ไม่ว่าประชาชนจะฉีด 2 เข็ม เป็นสูตรไหนมา ประเทศไทยมีคณะศึกษาทำงานคอยวัดภูมิคุ้มกัน ถ้าพบว่าภูมิตกจะนัดมาฉีดเข็ม 3 แน่นอน
นอกจากนี้ เรื่องของยาและเวชภัณฑ์ ไทยมีแผนจะนำเข้ายาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) แต่ขอให้พิจารณาเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยก่อน ระหว่างนี้ยังใช้ฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ซึ่งไทยสามารถนำเข้าและผลิตได้เองแล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีการปรับการให้ยาให้เร็วขึ้นเพื่อลดความสูญเสียที่เกิดกับผู้ป่วย
ขณะที่เรื่องการเปิดประเทศ นายอนุทิน ย้ำว่าคนที่เข้ามาไทยต้องฉีดวีคซีน ต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน และต้องผ่านการ RT-PCR ว่าไม่ติดโควิด โดยกำลังพิจารณาว่าถึงจะผ่านการตรวจด้วย RT-PCR แล้ว แต่เมื่อมาถึงไทยควรจะตรวจยืนยันอย่างไรต่อเพื่อให้เกิดความมั่นใจสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม คืนแรกก็ต้องเฝ้าระวัง แต่ที่แน่ๆ คือมาตรการ ถ้าออกมาแล้วก็ต้องปฏิบัติตาม เช่นเดียวกับการเปิดผับบาร์ ยอมรับว่าเป็นห่วง ต้องมีมาตรการออกมาคอยดูแลประชาชนแน่นอน และขอให้เมื่อถึงวันนั้นประชาชนโปรดให้ความร่วมมือด้วย
- โควิดไทยวันนี้ 19 ต.ค. ติดเชื้อเพิ่ม 9,122 ราย ดับ 71 ศพ
- ‘หมอนิธิ’ ซัดคนวิจารณ์ ไม่รู้จริง! ยันไม่ได้ตัดราคา ‘โมเดอร์นา’ รพ.เอกชน
- เลื่อน! โรงพยาบาล เลื่อนฉีดไฟเซอร์นักเรียน หลังวัคซีนไม่มาตามนัด