เพนกวิน เขียน จดหมายถึงแม่ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ตลอด
เพนกวิน เขียน จดหมายถึงแม่ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจ ขณะที่ตนยังถูกจำคุก เรือนจําพิเศษกรุงเทพ แดน 2 หลังศาลไม่อนุมัติให้ประกันตัว
นาย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ได้เขียนจดหมายถึงแม่ผ่านทางเฟซบุ๊ก หลังจากที่ตนยังถูกคุมขัง และยังไม่ได้รับอนุมัติให้ประกันตัว ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญา ม.112, ยุยงปลุกปั่นฯ ม.116 และข้อหาอื่นๆ เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยข้อหาที่นายเพนกวินเขียนนั้น จั่วหัวถึงมารดา และได้ขอบคุณแม่ที่ให้กำลังใจและสนับสนุนทุกอย่างก้าวของเพนกวินที่อยู่บนวิถีนักสู้เพื่อประชาธิปไตย
ซึ่งเนื้อหาเต็มๆระบุว่า “ถึงแม่
เมื่อ 6 ปีที่แล้วก่อนที่ลูกจะประเดิมสังเวียนประชาธิปไตยด้วยการออกไปชูป้ายประท้วงประยุทธ์ แม่ไม่ได้ห้ามลูกไม่ให้เดินตามวิถีที่ลูกเลือกแล้ว แม่เพียงย้ำเตือนว่าราคาที่ลูกต้องจ่ายบนวิถีนักสู้นั้นมากเพียง ใดในวันนั้นลูกตัดสินใจยอมจ่ายราคานั้นเพื่อการเดินทางบนวิถีที่ลูกเชื่อ
จากการตัดสินใจในวันนั้นลูกได้จ่ายราคาที่ต้องจ่ายมาหลายต่อหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นคดีความที่ถูกยัดเยียดการคุกคามสารพัดรูปแบบ กระทั่งข่มขู่เอาชีวิต ลูกได้จ่ายราคาเหล่านั้นมาแล้ว ทุกครั้งที่ลูกจ่ายแม่ไม่เคยปล่อยให้ลูกไปเผชิญกับความโหดร้ายบนวิถีทางไปสู่ประชาธิปไตยโดยเพียงลำพัง แม่มีอ้อมกอดและกำลังใจให้ลูกเสมอถึงวันนี้ราคาที่ลูกต้องจ่ายสำหรับการต่อสู้ได้ขยับสูงขึ้นมาอีกขั้น ลูกจำต้องสละอิสรภาพเพื่อต่อสู้ยืนยันในสิ่งที่ลูกเชื่อ การต่อสู้ครั้งนี้ดำเนินไปในกรงขังคือการต่อสู้กับความบีบคั้นทางร่างกายและจิตใจซึ่งถือเป็นการทรมานที่ไม่ทิ้งร่องรอยบาดแผลให้เห็นได้ด้วยตา เผด็จการศักดินาต้องการทำลายลูกจากภายใน พวกมันต้องการทำให้ลูกสิ้นหวังท้อแท้และอ่อนแรงจนถอดใจออกจากวิธีทางที่เลือกเดิน แต่กระนั้นลูกไม่เคยหมดใจกับวิถีทางที่ลูกเชื่อมั่นศรัทธาเพราะลูกรู้ว่าแม่จะไม่มีวันปล่อยลูกไว้เดียวดายบนวิถีทางที่ยาวไกลและยากลำบาก แม่จะโอบกอดและยืนเคียงข้างเป็นกำลังใจให้ลูกเสมอเหมือนกับทุกครั้งที่ลูกต้องจ่ายราคาที่ต้องจ่ายเพื่อประชาธิปไตย ยิ่งครั้งนี้ลูกได้ยินว่าแม่ต้องตัดสินใจร่วมเดินทะลุฟ้ากับพี่ไผ่ ลูกดีใจเป็นพิเศษเพราะลูกได้รู้ว่าในขณะที่ลูกกำลังต่อสู้อยู่ข้างในแม่ก็ไม่ได้ทอดทิ้งลูกและยังร่วมต่อสู้ไปกับลูกอยู่ข้างนอก ด้วยเหตุนี้ลูกจึงมีแรงกายแรงใจที่จะฝ่าฟันบทพิสูจน์ขนาดหัวใจ ที่ลูกต้องเผชิญไม่ว่าจะยาวนานเพียงใดลูกจะยังยืนหยัดต่อสู้อย่างท้าทนงเพื่อยืนยันในหลักการที่ว่า แผ่นดินนี้เป็นของประชาชนทุกคนมิใช่สมบัติส่วนตัวของบุคคลใดและจะไม่มีสถาบันใดยิ่งใหญ่ไปกว่าสถาบันประชาชน
ตลอด 6 ปีแห่งการต่อสู้ลูกขอขอบคุณที่แม่เข้าใจยอมรับและเป็นกำลังใจให้กับทุกย่างก้าวที่ลูกต้องการเดินบนวิถีทางนี้ ลูกขอโทษหากวิถีทางที่ลูกเลือกอาจสูบกินห้วงเวลาดีๆที่คนเป็นลูกควรจะใช้กับคนเป็นแม่ แต่ลูกเชื่อว่าแม่ย่อมเข้าใจเป็นอย่างดีว่าแม่ไม่ได้เพียงให้กำเนิดลูกชายมาคนหนึ่งแต่แม่ให้กำเนิดนักคิดนักฝันและนักต่อสู้ขึ้นมาบนโลกใบนี้ด้วย การต่อสู้ของลูกไม่ได้เป็นไปเพียงเพื่ออนาคตของตัวลูก แต่เพื่ออนาคตของแม่และลูกทุกครอบครัวบนผืนแผ่นดินนี้ ลูกหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแม่จะภูมิใจที่มีลูกเป็นนักสู้ลูกก็ภูมิใจที่มีแม่เป็นนักสู้เช่นกันทุกวันคืนไม่ว่าจะที่ใด ลูกยังฝันถึงวันเวลาที่ระบอบเผด็จการศักดินาซึ่งกดขี่คนไทยมายาวนานแสนนานจะพังพินาศ และประชาชนคนไทยทั้งชาติจะผงาดขึ้นมาเป็นเจ้าของประเทศอย่างสมบูรณ์วันนั้นจะเป็นวันที่ลูกไม่ต้องออกไปต่อสู้กับศักดินาที่ไหนอีกแล้วและจะได้กลับมาสู่อ้อมอกของแม่ผู้ซึ่งรักลูกและเป็นคนที่ลูกรักที่สุดในชีวิต ระหว่างนี้ลูกจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดจะรักษาร่างกายจิตใจและศักดิ์ศรีความเป็นนักสู้ให้สมบูรณ์ถึงวันที่ได้ออกไปกอดแม่อีกครั้ง ครอบครัวของเราจะอบอุ่นมีความสุขและอยู่กันพร้อมหน้าเช่นเดียวกับที่ควรจะเป็นในทุกครอบครัวทั่วแผ่นดินไทย
ไม่นานลูกที่จากลา จะไปซบหน้ากับอกแม่เอย
รักและคิดถึงที่สุด
เพนกวิน
เรือนจําพิเศษกรุงเทพ แดน 2 ห้อง 7
23 ก.พ. 64”