น้อยใจ! ประยุทธ์ ออกจากห้องประชุม หลังพูดแล้วไม่มีใครฟัง
ประยุทธ์ ออกจากห้องประชุม ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นิพนธ์ ประเด็นนิคมจะนะ ตัดพ้อ พูดไปก็ไม่มีใครฟัง เห็นแต่หัวเราะกันอยู่
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ยุติการชี้แจงประเด็น กรณีของนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ใช้อำนาจและอิทธิพลทางการเมือง ฮุบประโยชนน์จากการก่อสร้างโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ พร้อมกล่าวว่า “ผมขอตอบแค่นี้ดีกว่า เพราะพูดก็ไม่มีใครฟัง เห็นหัวเราะกันอยู่” ซึ่งหลังจากที่นายกฯพูดจบก็ได้ ออกจากห้องประชุมทันที
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจนายนิพนธ์ ในประเด็นดังกล่าว โดยผู้ถูกกล่าวหาใช้อำนาจเปลี่ยนสีผังเมือง ออกโฉนดที่ดิน และเอื้อเครือญาติ รวมถึงร่วมมือกับกลุ่มทุน กลุ่มนักการเมือง และกลุ่มญาติที่ทำหน้าที่นายหน้าค้าที่ดิน
และใช้อิทธิพลข่มขู่ชาวบ้านเพื่อขายสิทธิที่ดินที่ครอบครองราคาถูก เพื่อหวังผลประโยชน์จากราคาซื้อขายที่ดิน ดังนั้นโครงการจะนะ คือ โครงการที่นายทุนคิด ทหารดัน และนักการเมืองหาผลประโยชน์ เพื่อทำลายชีวิตและจิตวิญญาณของพี่น้องชาวจะนะ เพื่อประโยชน์ของตนเอง
นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ว่าตนไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้กับใคร และไม่ใช่ไปกล่าวหาพันกัน มีการเอื้อประโยชน์ แต่ใครที่ได้ประโยชน์ถูกต้องหรือไม่ถูกต้องก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการ หากพบการทุจริตก็แก้ไป แต่อย่าให้โครงการใหญ่ที่กำหนดยุทธศาสตร์ไว้แล้วต้องสะดุด พังพินาศไปด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่าปัญหาในพื้นที่สามจังหวัดใช้แดนภาคใต้มีปัญหาที่ซับซ้อนในหลายมิติทั้งเศรษฐกิจและสังคม ถ้าชาติพันธ์ ศาสนา วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ดังนั้นจะต้องมีการแก้ปัญหาอย่างละเอียดอ่อน จึงมีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ จากเดิม 3 จังหวัด 3 พื้นที่ และมาเพิ่มที่จังหวัดสงขลา ที่อำเภอจะนะ ที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ รัฐบาลก็ได้จัดคณะกรรมการลงไปดูแล
ส่วนที่กล่าวหาว่าใน 10 เขตเศรษฐกิจพิเศษไม่มีความก้าวหน้านั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่าทุกอย่างเป็นการเตรียมการ ต้องรอระยะเวลา ไม่ใช่ตั้งวันนี้แล้วจะได้เลย และหาจุดเชื่อมต่อศักยภาพ
ส่วนการเปลื่ยนสีผังเมืองนั้น ก็เกิดจากความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ไม่ใช่ว่าใครจะไปออกสีโน้น สีนี้ได้ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบ และมีการทำประชาพิจารณ์ทั้งหมด ถูกต้องอย่างไรให้ไปว่ากันตามกระบวนการ และตนขอชี้แจงในนามรัฐบาล ในนามนายกรัฐมนตรี การลงทุนมีความจำเป็นที่ต้องให้มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ตนสั่งการเช่นนี้ทุกครั้งไม่มีละเว้นการ แต่การตรวจสอบนั้นมีกลไกลอยู่ สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ แจ้งองค์กรอิสระตรวจสอบได้ การจะบอกว่าใครผิดถูกในสภานี้ไม่ใช่ศาลที่มาจะชี้ว่าใครผิดใครถูก เพราะศาลอยู่ข้างนอก ตนไม่อยากให้การพูดในวันนี้ ทำให้เกิดผลกระทบเรื่องการลงทุนจากประเทศอื่น รวมถึงกังวลว่าจะลามไปสู่พื้นที่อื่น เช่น EEC
ทั้งนี้ไม่ทันที่จะชี้แจงเสร็จสิ้น พลเอกประยุทธ์ ก็ได้ยุติการชี้แจงและเดินออกจากห้องไปในที่สุด