นายกฯ เตรียมส่งจม.ถึง 20 มหาเศรษฐีไทย ช่วยประเทศสู้โควิด-19
นายกฯ เตรียมส่งจม.ถึง 20 มหาเศรษฐีไทย ช่วยประเทศสู้โควิด-19
เมื่อวันที่ 17 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ (ทรท.) ถึงงานที่กำลังจะทำ และบทบาทสำคัญของคนไทยทุกคนในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า
นายกได้กล่าวสวัสดีวันปีใหม่ไทย และอวยพรให้ประชาชนมีสุขภาพกาย สุขภาพใจ ที่สมบูรณ์แข็งแรง มีความสุข ในวันสำคัญอีกวันของคนไทย คือวันครอบครัว ถึงปีนี้จะแตกต่างแต่ก็ยังเป็นวันสงกรานต์และวันครอบครัว ในช่วงวิกฤตนี้มีแค่พวกเราคนไทยที่จะพึ่งพากันได้
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะการณ์ที่ตึงเครียดที่สุด กำลังทำลายชีวิตและการดำรงชีวิตของคนไทยจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถ้ามองไปทั่วโลกก็เห็นได้ว่าวิกฤตโควิดได้ก่อให้เกิดความเสียหายมากมาย โดยไม่สนใจว่าเป็นประเทศร่ำรวย ประเทศยากจน หรือประเทศมหาอำนาจ หลายประเทศทั้งในภูมิภาคตะวันตก ยุโรปและอื่นๆ รวมถึงประเทศที่มีการพัฒนาสูงสุด ก็มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก และมีจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นหลักหมื่น
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าตัวเลขผู้เสียชีวิต อาจพุ่งสูงไปถึงหลักแสนต่อไปในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงการทำงาน การค้าขาย และการทำมาหากิน ที่เกือบจะหยุดชะงักทั้งหมด นี่จึงเป็นภาวะวิกฤตครั้งใหญ่ ที่ทุกรัฐบาลจำเป็นต้องดึงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาให้ได้ โดยมีงานที่มุ่งเน้นเป็น 2 กลุ่มหลัก
กลุ่มงานแรกคือ งานที่เกี่ยวกับสุขภาพ หมายถึงสิ่งที่เราต้องทำ เพื่อลดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 และเพื่อเพิ่มความสามารถ ในการรักษาผู้ติดเชื้อ กลุ่มงานที่สองคือ งานเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชน ให้มีเงินเพียงพอต่อการดำรงชีวิต ผ่านมาตรการและความช่วยเหลือต่างๆ ซึ่งได้มอบหมายให้ กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักในการคิดและปฏิบัติมาตรการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ นายกกล่าวว่าหน้าที่ของตนคือ การบัญชาการและควบคุมการทำงานทั้งหมดของรัฐบาล แทนประชาชน และต้องเป็นผู้นำ ให้ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ
ส่วนปัญหาเกี่ยวกับมาตรการเยียวยา 5,000 บาท และมาตรการอื่นๆ ของกระทรวงการคลัง ได้สั่งการ เรียกรมว.คลัง และผู้เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาพบ เพื่ออธิบายที่มาที่ไปให้ทราบว่าปัญหาเกิดจากอะไร และจะแก้ไขอย่างไร นอกจากเงิน 5,000 บาทแล้ว ได้ติดตามงานของหลายกระทรวง มีมาตรการช่วยเหลือออกมาเกือบทุกกระทรวง ทุกกระทรวงช่วยเหลือเต็มที่ โดยภาครัฐจะเข้าไปดูแลกลุ่มเป้าหมาย
นอกเหนือจาก 2 งานหลัก คือต้องเริ่มจากการยอมรับความจริง ยอมรับจุดแข็ง จุดอ่อนและข้อจำกัดของตัวเอง ต้องยอมรับว่าปัญหาความเสียหายที่เกิดจากโควิด-19 จะแก้ไขได้ ด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคส่วนต่างๆ รัฐบาลฝ่ายเดียว ไม่สามารถหาคำตอบให้กับทุกปัญหาได้ คนกลุ่มอื่น และภาคส่วนอื่นๆ ก็อาจจะมีคำตอบที่ดี และมีความคิดที่ดีได้ด้วยเช่นเดียวกัน
นายกกล่าวว่าต้องการเพิ่มความร่วมมือให้มากยิ่งขึ้น โดยเริ่มที่ภาคเอกชนก่อน ประการแรก คือสัปดาห์หน้าตนจะออกจดหมายเปิดผนึกถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 20 ท่าน เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งทราบดีว่าหลายท่าน ได้ลงมือทำไปแล้วหลายเรื่อง แต่ต้องการให้ทุกท่าน ทำเพิ่มเติมมากกว่าที่ได้ทำไป และขอให้ทุกท่านแบ่งปันความสามารถ ความฉลาดหลักแหลม รวมทั้งมุมมองอันมีวิสัยทัศน์ พร้อมกับใช้องค์กรที่มีศักยภาพสูงของท่าน มาช่วยกันจัดการกับวิกฤต ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในวันนี้
ประการที่สองคือ จะไปพบกับสมาคมภาคธุรกิจ ทั้งขนาดกลาง และขนาดเล็ก เพื่อรับฟัง ความรู้ความสามารถของภาคเอกชนด้วยตนเองโดยตรง ไม่ผ่านหน่วยงานใด เพื่อที่จะได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริง นอกจากนี้ ต้องการรับฟังความความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ความต้องการและความท้าทายที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ ว่าอยากจะร่วมมีบทบาทในการแก้ปัญหาครั้งนี้อย่างไร รวมทั้งสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว และสิ่งที่จะช่วยกันทำต่อไป
ที่สำคัญตนต้องการได้ยินความคิดเห็นของพวกท่านว่า มีจุดไหนบ้าง ที่รัฐบาลควรจะทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่ต้องช่วยเหลือคนไทยทั้งประเทศ แต่เราสามารถขยายกำลังในการช่วยเหลือให้ใหญ่ขึ้นได้ ด้วยการร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีทรัพยากรมาก มีวิธีการทำงาน และวิธีการเข้าถึงผู้เดือดร้อนได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรัฐบาลจะเข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายกยังกล่าวทิ้งท้ายว่าขอให้ทุกคนมาร่วมมือกัน และเราจะต้องชนะไปด้วยกัน