นรม. เน้นย้ำ ชมเชยผู้ปฏิบัติตามมาตรการ และการช่วยเหลือดูแลตนเอง
นรม. เน้นย้ำ ชมเชยผู้ปฏิบัติตามมาตรการ และการช่วยเหลือดูแลตนเองให้เป็นไปตามมาตรการ
ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานฯ ได้สั่งการในที่ประชุม ให้ที่ประชุมแจ้งผลการปฏิบัติที่เป็นข้อเท็จจริง และขอให้แบ่งการทำงานเป็นกลุ่ม ได้แก่ โดย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้รับผิดชอบข้อปฏิบัติทางกฎหมาย ให้กลุ่มงานแต่ละด้าน เข้ามาร่วมดำเนินการ ให้กระทรวงการคลังให้ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนต่อไป เน้นให้มีผู้แทนกลุ่มงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วม โดยในด้านการใช้จ่าย ขอให้มีผู้แทนกรมบัญชีกลางเข้ามาร่วมฟัง และนำไปปฏิบัติต่อ ให้เวทีนี้ เป็นเวทีด้านนโยบาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแจ้งข้อสรุป เพื่อมาพิจารณาแก้ไข และนำไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรม เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง
โฆษกศูนย์ฯ ได้รายงานถึงสถานการณ์ผู้ป่วย โดยในวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ซึ่งเป็นรายที่ 5 ของประเทศไทย เป็นชายไทย อายุ 50 ปี ซึ่งได้เดินทางไปกลับจากปฏิบัติศาสนกิจที่ประเทศมาเลเซีย โดยเริ่มมีอาการป่วยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2563 และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสุไหงโกลก 12 มีนาคม 2563
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำ “ขอชมเชยและให้กำลังใจประชาชนที่ร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติตามมาตรการดูแล ป้องกันตนเอง ทั้งส่วนตัวและเพื่อสังคม เช่น การใช้กล่องกระดาษมาปรับเป็นพื้นที่นั่งตามระยะห่าง ซึ่งเป็นสิ่งน่าชื่นชม รวมไปถึงภาคส่วนต่างๆที่เข้ามาร่วมกันในด้านที่ตนเองถนัดด้วย”
ในการเคลื่อนย้ายบุคคล นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตรวจสอบมาตรการเคลื่อนย้ายคนให้เข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวชายแดนที่สำคัญ รวมทั้งให้ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนในการดำเนินมาตรการต่างๆ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยจะพิจารณามาตรการที่เข้มข้นขึ้น ทั้งการสัญจรเข้าออก ไปมา และการหยุดอยู่บ้าน คือ 1. จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสงขลา 2. จังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานนายกรัฐมนตรีถึงการเตรียมความพร้อมของเตียง และเวชภัณฑ์ พร้อมเร่งขยายศักยภาพการรองรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน โดยได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน โรงพยาบาลมหาลัย โรงพยาบาลแพทย์ทหาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีการดำเนินการอย่างจริงจังและต้องเพียงพอ
ด้านการขายสินค้าเกินราคา ทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค เช่น ไข่ ไม่ให้เกิน 3.80 บาท/ฟอง โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดการตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ไปจนถึงปลายทาง ป้องกันทั้งระบบ ตรวจสอบตลอดเส้นทางไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ รัฐบาลจะยกระดับการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยสู่ระดับชาติแล้ว สำหรับการบริหารจัดการข่าวต่างๆ โดยเฉพาะข่าวปลอม ที่สร้างความสับสน ทางศูนย์ต่อต้าน Fake News ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้น ควบคู่กับบทลงโทษตามกฎหมาย
การใช้ช่องทางสื่อสารทุกชนิด ต้องมีการตรวจสอบ และให้ทุกกระทรวงเฝ้าดูตรวจสอบ และปิดหากเป็นเท็จ การสร้างการรับรู้ทางโซเชี่ยลต้องมีเทคนิคให้ประชาชนมาติดตาม สนใจ รวมทั้งช่องทางร้องทุกข์ 1111 ต้องให้มีประสิทธิภาพ และรองรับข้อร้องเรียน แจ้งข่าวสาร โดยกระทรวงมหาดไทยมีการผ่อนผันให้ศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือ หรือระบบสื่อสารในห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้
ทั้งนี้ ในการสื่อสารช่องทางแรกในแต่ละวันจะแถลงผ่านโฆษกศูนย์ฯ และหากมีประเด็นอะไรเพิ่มเติมจะให้ปลัดกระทรวงฯแต่ละกระทรวง ไปดำเนินการแถลงให้ประชาชนรับทราบ