ดาบคู่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ได้เปิดรัง บรามอลล์ เลน รับมือการมาเยือนทีมแกร่งอย่าง เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอังคารที่ 21 มกราคม ผ่านมา
คริส ไวล์เดอร์ กุนซือพาทีมเก็บ 4 แต้มจาก 2 นัดล่าสุดอยู่อันดับ 7 โดยฟอร์มเมื่อสุดสัปดาห์พวกเขาไปไล่ตีเสมอ อาร์เซน่อล 1-1 หากเกมวันนี้เอาชนะได้ จะทะยานขึ้นไปอยู่อันดับ 5 แซงหน้า แมนยู ทันที
ด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เมื่อสุดสัปดาห์โดน คริสตัล พาเลซ ยิงแบ่งแต้มเสมอ 2-2 อย่างน่าเจ็บใจ ซึ่งเกมนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องชนะเพื่อทำแต้มจี้จ่าฝูง หงส์แดง ลิเวอร์พูล ต่อไป
Tonight's trip to Bramall Lane sees the return of @Laporte! 🙌
XI | Ederson, Walker, Otamendi, Fernandinho (C), Laporte, Rodrigo, Zinchenko, De Bruyne, Mahrez, Sterling, G Jesus.
SUBS | Bravo, Gundogan, Aguero, Bernardo, Cancelo, Foden, Garcia.
📋 @HaysWorldwide
🔵 #SHUMCI pic.twitter.com/AkLATqT46K— Manchester City (@ManCity) January 21, 2020
เริ่มเกมได้ 7 นาทีเป็น เจ้าบ้านได้ลุ้นจาก โอลิเวอร์ นอร์วู้ด ที่สลัดตัวประกบหลุดขึ้นมารับบอลชิ่งทางฝั่งขวา แล้วพยายามจะเปิดยังเข้าเขตโทษ แต่ แฟร์นันดินโญ่ ยังตามมาบล็อกไว้ได้
นาทีที่ 8 เรือใบสีฟ้า ได้ลุ้นบ้างจาก ริยาด มาห์เรซ พาบอลลากเข้าหากรอบเขตโทษก่อนไหลให้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ที่เติมขึ้นมาสูงได้กดด้วยซ้าย บอลหายข้ามคานออกไป
นาทีที่ 19 แมนซิตี้ น่าได้ประตูสุด ๆ จากจังหวะที่ คริส บาแชม จ่ายไม่ดีกลายเป็นถวายพานให้ ราฮีม สเตอร์ลิง พาบอลสวนกลับเร็วแล้วจ่ายให้ ริยาด มาห์เรซ ได้ซัดไปตรงตัว ดีน เฮนเดอร์สัน ยังไม่เป็นประตู
เข้าสู่นาที 36 แฟนทีมเยือนได้เฮลั่น เมื่อมาได้ลูกจุดโทษจากความผิดพลาดของ คริส บาแชม ที่ไปทำฟาวล์ใส่ ริยาด มาห์เรซ ในเขตโทษผู้ตัดสิน ลี เมสัน เป่าเป็นลูกโทษทันที กาเบรียล เชซุส รับหน้าที่สังหารแต่ยิงไปติดเซฟ เฮนเดอร์สัน ยังไม่ขึ้นนำอีกครั้ง
ช่วงท้ายครึ่งแรก แมนซิตี้ ได้ลุ้นอีกจาก เควิน เดอ บรอยน์ รับบอลจาก โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ก่อนพยายามหาจังหวะปั่นด้วยขวา แต่บอลหลุดกรอบออกหลังไปไม่ไกล หมดครึ่งเวลาแรก ยังคงเสมอกันอยู่ 0-0
HALF-TIME | Goalless at the break…
🔴 0-0 🔵 #SHUMCI #ManCity pic.twitter.com/ijIQvHPt9v
— Manchester City (@ManCity) January 21, 2020
เปิดฉากครึ่งหลังนาที 59 ลูกทีม เป๊ป ได้ลุ้นจากลูกเตะมุมของ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดมาเข้าหัว โรดรี้ ได้ชิงโหม่งก่อนแนวรับ เชฟยู แต่ยังไม่เข้ากรอบ
นาทีที่ 61 โรดรี้ วางบอลยาวข้ามหัว คริส บาแชม ให้ กาเบรียล เชซุส ให้ได้โขกย้อนศรตัวของ ดีน เฮนเดอร์สัน แต่บอลมันเบาไปเข้ามือรับไว้ได้
นาทีที่ 62 เชฟฯ ยูไนเต็ด น่าได้ประตูตีเสมอสุด ๆ จากจังหวะที่ คริส บาแชม ยัดบอลเข้าเขตโทษ ก่อนบอลขะไปเข้าทางของ ลีส์ มูสเซ ได้หมุนตัวหาจังหวะยิงด้วยการตอกส้น แต่ยังไม่ผ่านมือ เอแดร์ซอน โมราเอส
GOAL !!! เรือใบ มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 นาทีที่ 73 จากลูกจ่ายสุดเหนือชั้นของ เควิน เดอ บรอยน์ คิลเลอร์พาส ตัดหลังแนวรับ เชฟฯ ยูไนเต็ด มาเข้าเท้า เซร์คิโอ อเกวโร่ ได้ซัดเข้าประตูไปไม่เหลือ
นาทีที่ 85 แมนฯ ซิตี้ เกือบบวกประตูเพิ่มได้ จากจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ลิง พาบอลแหวกหนีแนวรับเจ้าบ้านเข้าในกรอบเขตโทษ แต่จังหวะยิงหักข้อมากไปหลุดเสาออกหลังไปอีก
FULL-TIME | We clinch the win at Bramall Lane thanks to a bit of @aguerosergiokun magic! 💫
🔴 0-1 🔵 #SHUMCI #ManCity pic.twitter.com/zaedJwZtSz
— Manchester City (@ManCity) January 21, 2020
หมดเวลา 90 นาที เป็นทางด้านทีมเยือน แมนซิตี้ บุกมาเก็บสามคะแนนสำคัญได้สำเร็จ จากการได้ประตูชัยจาก อเกวโร่ กุน ที่ลงมาเป็นซูเปอร์ซับยิงประตู 1-0 เหนือ ดาบคู่ เชฟยู ทำให้ เรือใบสีฟ้า ตามหลังอยู่ 13 คะแนน แต่แข่งน้อยกว่า 2 นัด
ไฮไลท์ เชฟยู 0-1 แมนซิตี้
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามตัวจริง
เชฟยู (3-5-2) : ดีน เฮนเดอร์สัน – คริส บาแชม, จอห์น เอแกน, แจ็ค โอคอนเนลล์ – จอร์จ บัลด็อค, มูฮาเหม็ด เบซิช, โอลิเวอร์ นอร์วู้ด, จอห์น เฟล็ค, เอ็นดา สตีเว่นส์ – โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่, บิลลี่ ชาร์ป
แมนซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์, เอเมริค ลาปอร์ต, นิโกลัส โอตาเมนดี้, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ – เควิน เดอ บรอยน์, แฟร์นันดินโญ่, โรดรี้ – ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง
