เรียกได้ว่า “เล่นของใหญ่” สุดๆ สำหรับ “เขี้ยวสมุทร” สมุทรปราการ ซิตี้ ล่าสุด พวกเขาแถลงอย่างเป็นทางการแต่งตั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ผู้เคยพา คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ยอดทีมยักษ์ใหญ่จากแดนปลาดิบ เถลิงแชมป์เจลีก ในฤดูกาล 2016 มาแล้ว
เมื่อวานนี้ 23 ธันวาคม 2562 ณ ห้องประชุมชั้น 6 อาคาร ดับบลิววัน “บอสโจ” ธเนศ พานิชชีวะ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอล สมุทรปราการ ซิตี้ เป็นประธานพิธีแถลงข่าวเปิดตัว มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือมากประสบการณ์ชาวญี่ปุ่น เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ ลุย โตโยต้า ไทยลีก 2020 อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมทำข่าวอย่างคับคั่ง
ธเนศ พานิชชิวะ ประธานบริหาร “เขี้ยวสมุทร” เผยว่า “เราใช้เวลาในการสรรหาโค้ชตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลที่ผ่านมา จนมาได้ทาง โค้ชอิชิอิ การทำทีมปีนี้เรายังเน้นตัวหลักเป็นนักเตะไทย เราต้องการให้นักเตะของเราแสดงศักยภาพออกมาสูงที่สุด”
“ดังนั้นเราจึงต้องมีโค้ชที่มีความสามารถที่จะดึงศักยภาพเหล่านั้นออกมา ซึ่งตนมั่นใจว่า โค้ชอิชิอิ สามารถตอบโจทย์ได้ตามมี่เราตั้งเป้าไว้ โดยกุนซือคนใหม่ของเราจะมีสัญญาคุมทีม 1 ปี และมีออปชั่นคุมทีมเพิ่มอีก 1 ปี ด้วยกัน
ด้าน มาซาทาดะ อิชิอิ กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เข้ามาทำทีม สมุทรปราการ ซิตี้ ครั้งนี้เป็นการทำงานต่างประเทศครั้งแรกของตน เป้าหมายของตนสอดคล้องกับนโยบายของทีมคือการทำงานกันเป็นทีม หน้าที่ของตนคือการพาทีมทำผลงานให้ดีที่สุดโดยจะต้องติดเป็น 1 ใน 3 ของลีกให้ได้ นอกเหนือจากนี้ตนยังต้องการจะทำทีมให้เป็นที่รู้จักในระดับเอเชียด้วย”
https://www.facebook.com/samutprakancityfc/videos/586148765515058/
คลิป: มาซาทาดะ อิชิอิ พาลูกทีมลงซ้อมมื้อแรก
ผลงานที่ผ่านมาของ มาซาทาดะ อิชิอิ นั้น เจ้าตัวเริ่มต้นงานโค้ชกับ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ช่วงปี 2002 ในตำแหน่งโค้ชฟิตเนส ก่อนก้าวสู่ตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ในปี 2012 จนรับตำแหน่ง กุนซือของ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ในปี 2015-2017 พาทีมคว้าแชมป์ เจลีก คัพ 2015 และในปี 2016 พาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ เจลีก และ เอมเพอเรอร์คัพ มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่
นอกจากนี้ ยังผงาดคว้ารางวัล ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของเจลีก ประจำฤดูกาล 2016 แถมยังถือว่าเป็นผู้ฝึกสอนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่พาทีมจากเอเชีย ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ได้สำเร็จ (เกมดังกล่าว คาชิม่าฯ แพ้ มาดริด ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-4 หลังเสมอ 2-2 ในเวลาปกติ)
ที่มา: Samut Prakan City
