แพะคดีวิ่งราวเพชรมูลค่า 15 ล้าน ร้องกองปราบ ชี้โดนตำรวจอุ้ม-ซ้อมให้รับผิด
วานนี้ (27 พ.ย.) นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ อายุ 50 ปี พ่อค้าไก่ย่าง พร้อมด้วย น.ส.ดารีวรรณ พ่อวงค์ อายุ 49 ปี ภรรยา และทนายความ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ทรงพล หมอกกลั่น สว.สอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิด บริษัทกาแล็คซี่ ไดมอนด์จำกัด น.ส.บุญญรัตน์ รัศมีสุขานนท์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเสาธง ในข้อหา แจ้งความเท็จจนได้รับโทษทางคดีอาญา และเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ก่อนหน้านี้ นายพิสิษฐ์ ถูกกล่าวหาว่า เป็นคนร้ายวิ่งราวเพชรมูลค่า 15.8 ล้านบาท ทำให้ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำเป็นเวลากว่า 7 เดือน 10 วัน ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งยกฟ้อง โดยทาง นายพิสิษฐ์ ได้นำหลักฐานเป็นเอกสารคำตัดสินในคดีดังกล่าวของศาลมามอบให้กับพนักงานสอบสวนพิจารณา
ในเรื่องนี้ นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า เมื่อเดือน ก.พ. 2560 ตนเองถูกตำรวจ สน.บางเสาธง จับกุมตัวที่บ้านพัก โดยอ้างว่า ตนเองเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีวิ่งราวเพชรมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2559 ซึ่งมี บริษัทกาแล็คซี่ น.ส.บุญญรัตน์ เป็นผู้แจ้งความไว้
ตำรวจชุดดังกล่าว ได้นำตัวตนไปที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งที่ จ.นครพนม แล้วใช้กำลังทำร้ายร่างกาย บังคับให้ตนยอมรับสารภาพและบอกที่ซ่อนเพชร แต่ด้วยความที่ตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวจึงได้ตอบปฏิเสธกลับไป ตำรวจชุดดังกล่าวจึงได้นำตนส่งต่อให้กับพนักงานสอบสวน สน.บางเสาธง และได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการตามกฎหมาย จนกระทั่งตนต้องถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำนาน 7 เดือน 10 วัน
ต่อมาตน นำเรื่องเข้าร้องเรียนยังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้ช่วยเหลือทางคดี จนมีการสืบหาพยานหลักฐานมาหักล้างและยืนยันว่าตนเป็นแพะไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อปี 2561 ศาลมีคำสั่งยกฟ้องและเป็นอันสิ้นสุดทางคดี
ตนแปลกใจว่า ภายหลังสิ้นสุดคดีทำไมทางบริษัทกาแล็คซี่ น.ส.บุญญรัตน์ เจ้าของเพชรถึงไม่ได้สนใจที่จะตามหาตัวคนร้ายตัวจริง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ต้องเป็นแพะทางคดีได้รับความเดือนร้อนเป็นอย่างมาก ตนโดนสังคมตราหน้าว่าเป็นขี้คุก ลูกโดนเพื่อนล้อ ทั้งยังกลายเป็นหนี้สินกว่า 6 แสนบาท ที่ผ่านมามีเพียงเงินเยียวยาช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรม 1 แสนบาท ส่วนคู่กรณีที่กล่าวหานั้น ไม่มีแม้แต่จะมาสนใจหรือคำขอโทษ
ในวันนี้ ตนจึงได้ตัดสินใจมายังกองปราบเพื่อนแจ้งความเอาผิดกับบุคคลเหล่านี้ที่ทำให้ตนต้องกลายเป็นแพะทั้งที่ตนไม่ได้ทำความผิด ส่วนพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องทำการสอบปากคำ เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐาน ก่อนจะส่งต่อให้กับผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งดำเนินการตามกฎหมาย
ที่มา ข่าวสด