ข่าวบันเทิง

ชวนดู ฝนดาวตกเจมินิดส์ 13-14 ธ.ค. 2568 กี่โมง ทิศไหน งดงามส่งท้ายปี

คืนวันที่ 13-14 ธันวาคม 24568 เตรียมตัวรอดูปรากฏการณ์ท้องฟ้าส่งท้ายปี ฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids) หรือที่คนไทยคุ้นหูในชื่อ ฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในฝนดาวตกที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดแห่งปี

สิ่งที่ทำให้ฝนดาวตกเจมินิดส์ครองใจนักดูดาวทั้งมืออาชีพกับมือสมัครเล่น คือลักษณะเด่นของลูกไฟที่มีความสว่างไสว รวดเร็ว และมีสีสันสวยงาม โดยเฉพาะสีเหลือง พาดผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงถึง 190 กิโลเมตรต่อวินาที ในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์สูงสุด หากสภาพอากาศเป็นใจ ท้องฟ้ามืดสนิทและไร้เมฆรบกวน ผู้สังเกตการณ์อาจมีโอกาสเห็นดาวตกได้มากถึง 120 ดวงต่อชั่วโมงเลยทีเดียว

ปักหมุดวันเวลาชมปรากฏการณ์ ฝนดาวตกเจมินิดส์ 2568

ฝนดาวตกเจมินิดส์ได้เริ่มปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม จะต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 17 ธันวาคม ช่วงเวลาที่มีอัตราการตกสูงสุดตามการคาดการณ์ของสมาคมดาวเคราะห์ (The Planetary Society) จะตรงกับคืนวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม ต่อเนื่องถึงเช้าวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม

แม้ช่วงเวลาทองของการดูดาวมักจะเป็นหลังเที่ยงคืนไปจนถึงรุ่งสาง แต่ความพิเศษของเจมินิดส์คือ สามารถเริ่มสังเกตเห็นได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นโอกาสดีสำหรับเด็กๆ หรือเยาวชนที่ไม่ต้องการนอนดึกจนเกินไป

เทคนิคการรับชมและอุปสรรคจากแสงจันทร์

ในช่วงพีค ดวงจันทร์จะมีลักษณะเป็นเสี้ยวข้างแรม สว่างประมาณ 30% และจะขึ้นจากขอบฟ้าในเวลาประมาณ 02.00 น. ทางสมาคมอุกกาบาตอเมริกัน แนะนำว่า แม้จะมีแสงจันทร์รบกวนบ้าง แต่ผู้ชมยังสามารถเพลิดเพลินกับปรากฏการณ์นี้ได้ โดยให้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ให้ดวงจันทร์อยู่ด้านหลังเพื่อหลีกเลี่ยงแสงรบกวนสายตา

ข้อแนะนำสำคัญจาก NASA เพื่อการรับชมที่ดีที่สุด

  • หาสถานที่มืดสนิท ห่างไกลจากแสงไฟเมืองและมลภาวะทางแสง

  • เตรียมอุปกรณ์กันหนาว ถุงนอน หรือเก้าอี้ผ้าใบให้พร้อม

  • นอนราบและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าให้กว้างที่สุด ไม่จำเป็นต้องเพ่งไปที่จุดใดจุดหนึ่ง

  • ต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเพื่อให้สายตาปรับสภาพในความมืดก่อนจึงจะเห็นดาวตกได้ชัดเจน

ฝนดาวตกเจมินิดส์ กำเนิดจาก “ดาวหางหิน”

สิ่งที่ทำให้เจมินิดส์แตกต่างจากฝนดาวตกส่วนใหญ่ที่มักเกิดจากเศษฝุ่นของดาวหาง คือต้นกำเนิดที่มาจากดาวเคราะห์น้อย ชื่อว่า 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) นักดาราศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่าดาวเคราะห์น้อยดวงนี้อาจเป็นดาวหางที่ตายแล้ว หรือ ดาวหางหินที่สูญเสียน้าแข็งกับก๊าซไปจนหมด เหลือเพียงแกนหิน เมื่อโลกโคจรผ่านสายธารเศษหินเหล่านี้ จึงเกิดการเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศกลายเป็นลูกไฟสีสวยงามที่เราเห็น

นอกจากเจมินิดส์แล้ว ส่งท้ายปี 2025 ยังมีฝนดาวตก “เออร์ซิดส์” (Ursids) ที่จะเกิดขึ้นช่วงวันที่ 16-26 ธันวาคม โดยจะพีคสูงสุดในคืนวันที่ 21-22 ธันวาคม ก่อนจะเข้าสู่ปี 2026 ด้วยฝนดาวตกควอดรานติดส์ (Quadrantids) ในช่วงต้นเดือนมกราคมต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button