อุทกภัยหาดใหญ่ ย้อนดู 3 เหตุน้ำท่วม ไล่หาต้นตอปัญหาปัจจุบัน
หาดใหญ่น้ำท่วมเพราะอะไร ? ย้อนดูประวัติ 3 มหาอุทกภัยเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ปี 2531 ปี 2543 และ 2553 ปัจจัยสำคัญเกิดจากอะไร ลำดับการเกิดน้ำท่วมตามโซนพื้นที่ รูปแบบการเกิดภัย สรุปจบครบทุกประเด็นสงสัย ชี้ชัดต้นตอ “คลองอู่ตะเภา” และคลองย่อยทั้งหมด ระบายน้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลาได้เต็มที่ 1,075 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที แต่ฝนตกหนักตลอด 3 วัน ส่งผลให้มวลน้ำไหลท่วมเมืองเกือบเท่าตัว
โดยทั่วไป ภัยจากน้ำท่วมของ “เมืองหาดใหญ่” และจังหวัดสงขลา มักเกิดในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมของทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเคยเกิดน้ำท่วมหนักกับเมืองหาดใหญ่มาแล้วเมื่อปี 2531 และ ปี 2543 และปี 2553
ปัจจัยสำคัญ คือ เกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำ หรือมีพายุหมุนเขตร้อนพัดผ่านเข้าทางภาคใต้ของประเทศไทย ทำให้มีฝนตกหนัก และเกิดน้ำหลากจากภูเขาลงสู่คลองอู่ตะเภาซึ่งเป็นเส้นทางน้ำหลัก
อย่างไรก็ดี น้ำท่วมภาคใต้ครั้งนี้ พ.ศ.2568 ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี หลายคนได้เห็นภาพความโกลาหลจากการอพยพ นักท่องเที่ยวติดค้างทั้งในสนามบินและโรงแรม ทั้งที่หน่วยงานรัฐยืนยันว่าได้แจ้งเตือนล่วงหน้าถึง 48 ชั่วโมง แต่ทำไม ? หาดใหญ่กลับใช้แผนเผชิญเหตุไม่ทันท่วงที
ก่อนอื่นขอสรุปเหตุมหาอุทกภัยใหญ่ๆ ทั้งหมด 3 ครั้งของหาดใหญ่ ไล่ตั้งแต่ปี 2531 , ปี 2543 และปี 53 เรื่อยมาถึงปัจจุบันที่จากรายงานถึงตอนนี้สถานการณ์ยังวิกฤตหนักและ “ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด”
คลองอู่ตะเภาไหลผ่านเมืองหาดใหญ่ไปลงสู่ทะเลสาบ ปลายทางคือแหลมโพธิ์ ตำบลคูเต่า ต้นน้ำอยู่ที่ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยมีคลองสาขาที่สำคัญ คือ คลองสะเดา คลองหล้าปัง ซึ่งเป็นสาขาลุ่มน้ำอู่ตะเภาตอนบนไหลมารวมกันทางตอนบนของบ้านคลองแงะ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และยังมีคลองสาขาในลุ่มน้ำอู่ตะเภาตอนล่าง คือ คลองตง คลองประตู คลองหลา คลองจำไหร ไหลลงสู่คลองอู่ตะเภาตอนล่าง ณ บ้านบางศาลา อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา

สภาพภูมิประเทศของเมืองหาดใหญ่ พื้นที่ต่ำสุดของเทศบาลนครหาดใหญ่ บริเวณเขต 8 โดยมีชุมชนวัดโคกอยู่ต่ำที่สุด (รทก. 4.7 เมตร พื้นที่สูงสุด รทก 7.4 เมตร บริเวณศุภสารรังสรรค์/ช่องเขา บริเวณเนินเขา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) เมื่อฝนตกทั้งลุ่มน้ำ น้ำไหลหลากจาก อำเภอสะเดาเข้ามาตามคลองอู่ตะเภา และไหลเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เมืองหาดใหญ่

รูปแบบ “การเกิดภัยน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่”
ปี พ.ศ.2551(ท่วมเล็ก)
- ทัพหน้ามีมวลน้ำจากทิศตะวันออกของเมือง เทือกเขาคอหงส์ และเทศบาลเมืองคอหงส์ ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ด้านทิศตะวันออก บริเวณถนนสามแยกคอหงส์ ภาสว่าง บางส่วนเข้าพื้นที่คลองเรียน แล้วขึ้นไปยังถนน 30 เมตร จากนั้นช่วงบ่ายน้ำจากคลองต่ำ คลองวาด โจมตีหาดใหญ่ ไหลท่วมชุมชนบางแฟบ หาดใหญ่ใน บางหัก เข้าชุมชนวัดโคก ตกเย็นน้ำสมทบจาก อำเภอนาหม่อม เข้ามาทางคลองหวะ บางส่วนเข้าจันทร์วิโรจน์
- ทัพหลวง น้ำจากสะเดาไหลมาทางคลองอู่ตะเภา
ปี พ.ศ.2552 (ท่วมเล็ก)
น้ำท่วมสองรอบ ส่วนใหญ่ท่วมบริเวณหาดใหญ่ใน โลตัสหาดใหญ่ในถึงที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ (พื้นที่รอยต่อระหว่างคลองอู่ตะเภา-คลอง ร.1)
- มวลน้ำรอบแรกไหลจากคลองต่ำ คลองวาด ตำบลควนลัง ซึ่งเป็นน้ำจากทิศตะวันตกของหาดใหญ่ ต้นน้ำมาจากพรุชบาและโตนงาช้างตำบลทุ่งตำเสา ไหลเข้าท่วมชุมชนหาดใหญ่ใน บางแฟบ เทศาพัฒนา ช่วงเย็นถึงหัวค่ำ น้ำจาก อำเภอนาหม่อม ไหลเข้าคลองเรียน เข้าถนน 30 เมตร และถนนศุภสารรังสรรค์
- มวลน้ำใหญ่(ทัพหลวง) น้ำจากสะเดาไหลมาตามคลองอู่ตะเภา แล้วเอ่อท้นเข้าท่วมชุมชนโซนหาดใหญ่ใน
ปี พ.ศ.2553 (ท่วมใหญ่)
ตอนเช้ามวลน้ำทัพหน้าจากทิศตะวันออก คลองต่ำ คลองวาด ตำบลควนลัง ตอนเย็นน้ำจาก อำเภอนาหม่อม ตำบลคอหงส์เข้ามาสมทบ ช่วงกลางคืนน้ำจากทัพหลวง:คลองอู่ตะเภาที่มาจากสะเดาไหลเข้าท่วมเมือง จากการเก็บข้อมูลพบสถิติปริมาณน้ำ 1,623 ลบ.ม./วินาที ชลประทานผันน้ำเข้าคลองอู่ตะเภา 930 ลบ.ม./วินาที เมื่อน้ำเกินการรองรับก็ผันน้ำเข้าคลอง ร.1 465 ลบ.ม./วินาที น้ำส่วนเกินปริงข้ามคันกั้นน้ำเข้ามาท่วมพื้นที่หาดใหญ่
พื้นที่น้ำท่วมหนักในเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้แก่ ชุมชนโชคสมานเนื่องจากเป็นที่ต่ำสุด มวลน้ำอ้อมลอดทางรถไฟ เข้าเทศบาลเมืองคลองแห ก่อนวกกลับเข้ามาตรงโค้งถนนรัถการ ตรงหมู่บ้านลับแล ไหลกลับเข้ามาตรงโค้งรัถการ ไหลบ่าเข้าวัดเกาะเสือไปอนุสรณ์อาจารย์ทองก่อนลงคลองเตย และท่วมพื้นที่เทศบาลเมืองคลองแห เขตเศรษฐกิจย่านใจกลางเมือง ระดับน้ำท่วมประมาณ 2 เมตร สาย 1,2,3 พื้นที่ปลอดภัยมากที่สุด บริเวณ ม.อ. ช่องเขา

ลำดับการเกิดน้ำท่วมตามโซนพื้นที่
โซน 1 พื้นที่ระหว่างคลองอู่ตะเภา – คลอง ร.1
โซน 2 คลองอู่ตะเภาเข้ามาถึงทางรถไฟ
โซน 3 ทางรถไฟถึงถนนกาญจนวนิชย์


สำหรับ อำเภอหาดใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา ซึ่งครอบคลุมอาณาบริเวณรวม 2,400 ตารางกิโลเมตร โดยลักษณะเป็นแอ่งกะทะ พื้นที่ลาดเทจากทิศใต้สู่ทิศเหนือ บริเวณตอนปลายของลุ่มน้ำจะเป็นที่ราบลุ่มแผ่กว้างก่อนถึงทะเลสาบสงขลา มีคลองอู่ตะเภาเป็นคลองระบายน้ำหลัก และประกอบด้วยลุ่มน้ำย่อยรวม 17 ลุ่มน้ำ
“คลองอู่ตะเภา” เป็นคลองธรรมชาติที่สามารถรับน้ำได้เพียง 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเท่านั้น เมื่อเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำ เกิน 120 มิลลิเมตรในระยะเวลา 3 ชั่วโมง น้ำจะเคลื่อนตัวจากพื้นที่ลุ่มน้ำตอนบนเข้าสู่เทศบาลนครหาดใหญ่ภายใน 10-30 ชั่วโมง และทำให้เกิดสภาพน้ำล้นตลิ่งคลองอู่ตะเภาบริเวณเทศบาลนครหาดใหญ่
ทั้งนี้ในปี 2531 อุทกภัยในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา สร้างความเสียหายแก่พื้นที่ประมาณ 250 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 10 ของพื้นที่ ประเมินมูลค่าความเสียหายกว่า 4 พันล้านบาท
ปี 2543 พื้นที่น้ำท่วมขยายเป็นกว่า 320 ตารางกิโลเมตร มูลค่าความเสียหายพุ่งสูงขึ้นเป็น 18,000 ล้านบาท และยังทำให้มีประชาชนเสียชีวิตถึง 30 คน แม้พื้นที่ส่วนใหญ่ราวร้อยละ 80 ที่ถูกน้ำท่วมจะเป็นพื้นที่เกษตรกรรม แต่การเกิดอุทกภัยในพื้นที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้าอย่างเทศบาลนครหาดใหญ่ก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจและสังคมของภาคใต้ตอนล่าง
อุทกภัยปี 43 ยังรุนแรงเป็น 2 เท่าของปี 2531 โดยย่านตลาดกิมหยงแหล่งซื้อหาของกินของใช้ที่นักท่องเที่ยวนิยมน้ำท่วม 2 – 3 เมตร น้ำท่วมครั้งนี้ยาวนาน 3 – 7 วัน ขาดไฟฟ้าขาดน้ำกินน้ำใช้และอาหาร ในพื้นที่ 20 กว่าตารางกิโลเมตร ประชากรเกือบ 200,000 คน คนจำนวนไม่น้อยบ้านชั้นเดียวของเขาถูกน้ำท่วมจมหายไปขาดทั้งที่อยู่อาศัยและทรัพย์สิน



ถึงตรงนี้ประเด็นที่น่าสนใจ โดยตัดภาพมาที่ปัจจุบันเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ 2568 โดยเฉพาะพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ด้านผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 16 ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระบุว่า แม้จะมีระบบระบายน้ำด้วยคลองอู่ตะเภา และคลอง ร.1-ร.6 แต่ปีนี้ก็ยังเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ที่อำเภอหาดใหญ่อีกครั้ง เพราะคลองอู่ตะเภาและคลองย่อยทั้งหมด สามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลาได้เต็มที่ 1,075 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที แต่ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้มีน้ำไหลส่งมามากกว่า 1,600 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที ซึ่งมากกว่าน้ำที่ไหลลงมาท่วมเมืองหาดใหญ่เกือบเท่าตัว
ขณะนี้ปริมาณน้ำยังคงทรงตัว และคาดว่าต้องใช้เวลาอีก 2-3 วัน กว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายลง
อ้างอิงข้อมูลล่าสุดวันนี้ (23 พ.ย.68) ศูนย์วิจัยภัยพิบัติทางธรรมชาติภาคใต้ อัปเดตสถานการณ์ประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 เวลา 9.00 น. สถานการณ์น้ำฝนในภาคใต้ ปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง มีฝนตกมากสุดที่ จ.นราธิวาส 670 มม. ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก บริเวณ จ. นครศรีฯ พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ในช่วงวันที่ 23 – 25 พฤศจิกายน 2568 อย่างใกล้ชิด
สถานการณ์น้ำฝนใน จ.สงขลา ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ฝน และน้ำท่าอย่างใกล้ชิด
- ปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง ตกมากสุดที่ อ.เทพา 208 มม.
- ระดับน้ำในคลองอู่ตะเภา ล้นตลิ่ง และลดลงอย่างต่อเนื่อง
- เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม พื้นที่ทุกอำเภอของ จ.สงขลา
ที่มา : Hatyaicityclimate.org, ไทยพีบีเอส















อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ภาพสะเทือนใจ หญิงเกาะเสาไฟ น้ำท่วมหาดใหญ่มิดตัว กันจอมพลัง เร่งช่วย
- อัปเดตน้ำท่วมหาดใหญ่ ช่วยป้าวัย 62 หนีตายขึ้นต้นไม้นาน 6 ชม.
- อนุทิน ดูมือถือเช็กน้ำท่วมใต้ 24 ชม. ก่อนเปลี่ยนกำหนดด่วน! บินช่วยหาดใหญ่
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





