
เปิดสเปกเทียบ iPhone 17 ปะทะ iPhone 16 อัปเกรดใหญ่คุ้มค่าหรือไม่? ดีไซน์และจอภาพ ระบบกล้อง พร้อมราคาครบทุกจุด
หลังจากการเปิดตัว iPhone 17 Series อย่างเป็นทางการในงาน Apple Event เมื่อคืนที่ผ่านมา คำถามที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ใช้หลายคนก็คือคุ้มค่าที่จะอัปเกรดจาก iPhone 16 หรือไม่? วันนี้ เราจะมาเจาะลึกสเปคและฟีเจอร์ใหม่ ๆ แบบหมัดต่อหมัด ระหว่าง iPhone 17 รุ่นมาตรฐานใหม่ล่าสุด และ iPhone 16 รุ่นเดิม เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
ดีไซน์และจอภาพ ก้าวสู่ยุค ProMotion ในรุ่นมาตรฐาน
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือเรื่องของหน้าจอ ซึ่ง iPhone 17 ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่จนทิ้งห่างรุ่นก่อนหน้าไปหลายก้าว โดย iPhone 17 มีขนาดจอภาพ 6.3 นิ้ว Super Retina XDR มาพร้อมเทคโนโลยี ProMotion และ จอภาพแบบติดตลอด (Always-On Display) ซึ่งเดิมเป็นฟีเจอร์เฉพาะรุ่น Pro ขณะที่ iPhone 16 มีขนาดจอภาพ 6.1 นิ้ว Super Retina XDR ไม่มี ProMotion และ Always-On Display
สำหรับความทนทาน ทั้งสองรุ่นทนน้ำที่ระดับความลึก 6 เมตร นานสูงสุด 30 นาทีเท่ากัน
ยกเครื่องระบบกล้อง ความละเอียดสูงขึ้นและฟีเจอร์ใหม่
iPhone 17 อัปเกรดระบบกล้องครั้งใหญ่ ทำให้การถ่ายภาพและวิดีโอมีความยืดหยุ่นและคุณภาพสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับกล้องหน้า มีความละเอียดสูงถึง 18MP พร้อมฟีเจอร์ Center Stage ที่จะจัดให้ใบหน้าอยู่กลางเฟรมเสมอ วิดีโอนิ่งเป็นพิเศษ สามารถถ่ายด้วยกล้องคู่ ส่วน iPhone 16 ระบบกล้อง TrueDepth ความละเอียด 12MP สามารถแตะเพื่อซูมได้เพียงอย่างเดียว
มาต่อกันที่ กล้องหลัง ของ iPhone 17 ใช้ระบบกล้อง Fusion คู่ ประกอบด้วยกล้องหลัก 48MP และกล้องอัลตร้าไวด์ 48MP รองรับการถ่ายภาพมาโคร และภาพถ่ายความละเอียดสูงพิเศษ (24MP และ 48MP) ภาพถ่ายบุคคลเจเนอเรชั่นถัดไป พร้อมการควบคุมโฟกัสและระยะชัดลึก ถ่ายภาพมาโครได้ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps รวมทั้งรูปแบบภาพถ่ายเจเนอเรชั่นล่าสุด
ขณะที่ iPhone 16 ใช้ระบบกล้องคู่สุดล้ำ Fusion 48MP อัลตร้าไวด์ 12MP แต่รายละเอียดอื่น ๆ เช่นเดียวกับ iphone 17

ประสิทธิภาพแบตเตอรี่ ใช้งานได้นานขึ้น ชาร์จเร็วขึ้น
การใช้งาน iPhone 17 สามารถเล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 30 ชั่วโมง ในขณะที่ iPhone 16 ทำได้สูงสุด 22 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จทั้ง iPhone 17 และ iPhone 16 ใช้ช่องต่อ USB-C รองรับ USB 2 ซึ่งทั้งสองรุ่นเหมือนกันที่แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนชนิดชาร์จซ้ำได้ภายในตัวเครื่อง และ การชาร์จแบบไร้สายในแบบ MagSafe, Qi2 และ Qi ต่างกันที่ความสามารถในการชาร์จเร็ว
iPhone 17 ชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 20 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 40 วัตต์หรือสูงกว่า (มีจำหน่ายแยกต่างหาก) ที่ใช้ร่วมกับสายชาร์จ USB-C ชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาที ด้วย อะแดปเตอร์ขนาด 30 วัตต์ หรือสูงกว่าที่ใช้ร่วมกับที่ชาร์จ MagSafe
ส่วน iPhone 16 ชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาที13 ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 20 วัตต์ หรือสูงกว่า (มีจำหน่ายแยกต่างหาก) ที่ใช้ร่วมกับสายชาร์จ USB-C หรือ อะแดปเตอร์ขนาด 30 วัตต์ หรือสูงกว่า ที่ใช้ร่วมกับที่ชาร์จ MagSafe

เทียบราคาและความคุ้มค่า
แม้ว่าราคาเปิดตัวของ iPhone 17 จะสูงกว่า แต่ก็มาพร้อมกับความจุเริ่มต้นที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โดย iPhone 17 เริ่มต้นที่ 29,900 บาท สำหรับความจุ 256GB ส่วนความจุ 512GB ราคาเริ่มต้น 37,900 บาท มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ ลาเวนเดอร์, เขียวเสจ, ฟ้าหมอก, ขาว และ ดำ
ขณะที่ iPhone 16 ความจุ 128GB เริ่มต้นที่ 26,900 บาทการชาร์จ มีให้เลือก 5 สีเช่นเดียวกันประกอบด้วย น้ำเงินอัลตร้ามารีน, เขียวอมฟ้า, ชมพู, ขาว และ ดำ
ทั้งนี้ iPhone 17 ถือเป็นการอัปเกรดที่สำคัญจาก iPhone 16 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีหน้าจอ ProMotion และระบบกล้องที่ทรงพลังขึ้นอย่างมาก ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงความจุเริ่มต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 256GB ทำให้ส่วนต่างราคาดูสมเหตุสมผล สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์ระดับ Pro ในราคาเริ่มต้น iPhone 17 ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดราคา iPhone Air ชูโรง iPhone 17 บางสุด ในประวัติศาสตร์ Apple
- Apple Watch Ultra 3 จอใหญ่ขึ้น แบตอึด 72 ชม. ฟีเจอร์ AI สุดล้ำ เริ่มต้น 29900 บาท
- ส่องสเปก Apple Watch Series 11 ดีไซน์บางเฉียบ แบตอึด 24 ชม. ราคาเอื้อมถึง
ติดตาม The Thaiger บน Google News: