รองโฆษกรัฐบาล เปิด 5 วิธี รับมือภาวะเครียดการเมือง ย้ำไม่ใช่โรคจิตเวช

รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี แนะนำ 5 วิธี รับมือภาวะเครียดจากการเมือง ย้ำไม่ใช่โรคจิตเวช เป็นเพียงปฏิกิริยาทางอารมณ์เท่านั้น
วันนี้ (22 มิ.ย.) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น ว่า รัฐบาลขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนร่วมดูแลสุขภาพจิตของตนเองและคนรอบข้าง โดยเฉพาะช่วงที่กระแสข่าวสารและความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์มีความหลากหลายและรุนแรงมากขึ้น
ดังนั้น กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข จึงออกประกาศเตือนให้ระวัง “ภาวะเครียดจากสถานการณ์การเมือง” หรือ Political Stress Syndrome (PSS) ที่อาจเกิดขึ้นกับบุคคลที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด หรือมีความโน้มเอียงไปทางความคิดเห็นใดทางหนึ่งมากเกินไป จนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งทางร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์กับผู้อื่น
อย่างไรก็ดี ภาวะ PSS ไม่ใช่โรคทางจิตเวชโดยตรง แต่เป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่สะท้อนความตึงเครียดที่ผู้คนมีต่อสถานการณ์รอบตัวซึ่งมีลักษณะสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่
- อาการทางร่างกาย เช่น ปวดตึงศีรษะ หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น นอนไม่หลับ
- อาการทางจิตใจ เช่น หงุดหงิด โกรธ เบื่อหน่าย ฟุ้งซ่าน หมกมุ่นกับข่าว
- พฤติกรรม เช่น การโต้เถียงหรือใช้ถ้อยคำรุนแรงในครอบครัวหรือบนโลกออนไลน์ ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งบานปลาย

ทั้งนี้ การสื่อสารที่รุนแรง อาจสร้างผลกระทบต่อบุคคล 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. ผู้ส่งสาร ที่อาจพลาดพลั้งใช้ถ้อยคำรุนแรงโดยไม่ตั้งใจ 2. ผู้รับสาร ที่อาจรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล และ 3. สังคมโดยรวม ที่เสี่ยงต่อการเกิดบรรยากาศของความแตกแยก ความเกลียดชัง และความไม่น่าไว้วางใจ
กรมสุขภาพจิต ขอแนะนำ 5 แนวทางดูแลใจ เพื่อลดความเครียดและสร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ ดังนี้ 1. รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองขณะเสพข่าว 2. จำกัดเวลาในการติดตามข่าวสาร 3. ดำรงชีวิตอย่างสมดุล ไม่ละเลยหน้าที่ 4. เคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง 5. พักผ่อนและผ่อนคลายความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การนอนหลับ ออกกำลังกาย ทำสมาธิ หรือฝึกหายใจลึก ๆ
หากท่านใดที่รู้สึกว่าอาการเครียดส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ขอให้รีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ณ สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง
“รัฐบาลขอเน้นย้ำถึงความสำคัญของ “สติ” ในการเสพและสื่อสารข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะในช่วงที่สังคมมีความอ่อนไหวสูง การรับฟังอย่างมีวิจารณญาณ พูดจาอย่างสร้างสรรค์ และเคารพความคิดเห็นที่หลากหลาย จะช่วยสร้างสังคมที่น่าอยู่ และร่วมกันประคับประคองประเทศให้ก้าวข้ามทุกความขัดแย้งไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง” นางสาวศศิกานต์ ทิ้งท้าย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เพื่อไทย แจง รัฐบาล เตรียมลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต กัมพูชา
- ยังไม่จบ รมว.วัฒนธรรมกัมพูชา ประณามไทย สร้างวัดภูม่านฟ้า จงใจเลียนแบบนครวัด
- เปิดเงินเดือน ล่ามภาษากัมพูชา 2568 รายได้ดีจริงไหม
ติดตาม The Thaiger บน Google News: