พปชร. ซัด “แพทองธาร” ไม่ใส่ใจประชาชน เจรจาเอื้อประโยชน์กัมพูชา

โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ซัด นายกอิ๊งค์ ไม่ใส่ใจประชาชน เจรจาเอื้อประโยชน์กัมพูชา ไม่มีนโยบายไหนที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตั้งโต๊ะแถลงระบุว่า นับตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ยังไม่สามารถดำเนินนโยบายใดๆ ที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริงได้เลย โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงและเสถียรภาพของประเทศ ที่แต่ละนโยบายล้วนแล้วแต่มีความสุ่มเสี่ยงจะทำให้ไทยต้องเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน จากหลายกรณีในช่วงที่ผ่านมา
เช่น การสูญเสียทรัพยากรทางทะเลที่ไทยต้องไปยอมรับกับข้อตกลงในการเซ็น MOU 44 กับกัมพูชา ในสมัยอดีต นายทักษิณ ชินวัตร ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้กัมพูชาอ้างว่า เกาะกูดอยู่ในกรรมสิทธิ์ของประเทศกัมพูชา จึงเป็นชนวนของความตรึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างไทย – กัมพูชา โดยรัฐบาลไม่สามารถดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศให้เกิดความชัดเจน หรือเรียกร้องสิทธิ์กลับคืนมาได้อย่างเบ็ดเสร็จ ทำได้แค่เพียงตรึงกองกำลังทหารทางทะเล เพื่อรักษาอธิปไตย และไม่ได้ดำเนินการนโยบายเชิงต่างประเทศที่ทำให้เกิดความชัดเจนในการรักษาดินแดนของไทย
ปมปัญหาความขัดแย้งยังดำเนินมาต่อเนื่อง จนมาถึงการรุกล้ำดินแดนทางบก บริเวณสามเหลี่ยมมรกต ที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ โดยใช้กองกำลังทหารรุกล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ไทย 150 เมตร ทำให้กองทัพภาคที่ 2 ต้องส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปตรึงพื้นที่ และขับไล่ โดยที่รัฐบาลไม่ได้แสดงท่าที่ประณามกัมพูชาเพื่อที่จะปกป้องผืนแผ่นดินไทยเลย สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนด้อยในการประเมินสถานการณ์
การกระทำของรัฐบาลได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชน และ น.ส.แพทองธาร ยังได้อาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวไปเจรจาเอื้อประโยชน์ให้กับประเทศกัมพูชา มากกว่าการรักษาอธิปไตยของไทยอีก ตอกย้ำให้เห็นชัดเจนว่า ที่ผ่านมาเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับสมเด็จฮุนเซน มาข่มเหงศักดิ์ศรีของคนไทย
นอกจากนี้ยังมีกรณีข้อพิพาทระหว่างไทยกับเมียนมา ทั้งในเรื่องการจับกุมลูกเรือประมงไทย 4 คน ที่รัฐบาลไม่สามารถใช้กลไกของกระทรวงต่างประเทศ ดำเนินการช่วยเหลือคนไทยกลับสู่ประเทศได้ ในขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ขณะนั้น ไม่ได้มีตำแหน่งในรัฐบาลกลับสามารถเจรจากับรัฐบาลเมียนมาจนพาคนไทยกลับสู่ประเทศได้สำเร็จ
การบริหารด้านอื่นเช่นกัน อย่างการท่องเที่ยว ที่เป็นความหวังของประเทศในการหารายได้เข้าประเทศ แต่นโยบายของรัฐบาลแพทองธารนำมาซึ่งความพินาศ เช่น การเปิดฟรีวีซ่า แต่ไร้ระบบการควบคุม คัดกรอง เป็นต้นเหตุในการเปิดทางให้กลุ่มทุนเทาอาศัยช่องโหว่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น ทัวร์ศูนย์เหรียญ โรงงานศูนย์เหรียญ เปิดร้านอาหารบังหน้าธุรกิจสีเทา และที่สำคัญ ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงให้คนไทยโอนเงินจนเกิดความเสียหายมหาศาล และที่เลวร้ายมากกว่านั้น คือ รัฐบาลไม่สามารถจัดการแก้ปัญหาได้ เพราะการขาดความใส่ใจ รวมทั้งรัฐบาลยังมีความพยายา จะเปิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่หวังจะเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง และกลายเป็นแหล่งฟอกเงินแหล่งใหม่ นำมาซึ่งอีกหลายปัญหาทางสังคม โดยพรรคพลังประชารัฐ ได้ต่อต้านนโยบายนี้อย่างชัดเจน และพร้อมจะคัดค้านทุกวิถีทาง
รัฐบาลแพทองธารไม่เคยใส่ใจประชาชนอย่างแท้จริง ปล่อยให้ประชาชนเผชิญกับความลำบาก โดยการปล่อยให้เศรษฐกิจตกต่ำ จนเกิดภาวะการตกงาน และเลิกจ้าง นอกจากนี้ ราคาสินค้าทางการเกษตรก็ตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบแทบจะอยู่กันไม่ไหวแล้ว การบริหารประเทศสวนทางกับนโยบายที่เคยหาเสียงเอาไว้ว่า จะแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน รวมถึงราคาสินค้าเกษตรจะปรับตัวสูงขึ้น แต่จนถึงวันนี้คนไทยก็ยังไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้”
รัฐบาลยังมีการกู้หนี้เพิ่ม 500,000 ล้านบาท เพื่อมาชดเชยการจัดทำงบประมาณที่ขาดดุล โดยนำมาใช้ในนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 ที่สุดท้ายก็ไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งจากการประเมินเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในอาเซียน ขณะที่หนี้ครัวเรือน ยังไม่ลดลง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- นายกอิ๊งค์ ถกผู้ว่า 7 จังหวัดชายแดนเขมร ติดตามช่วยเหลือ ปชช. ในพื้นที่
- “พีระพันธุ์” เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เสนอเปลี่ยนนายกฯ เป็น “ชัยเกษม” ดับวิกฤติ
- ลือ! “พีระพันธ์ุ” แจ้ง “นายกอิ๊งค์” ให้ลาออก ขู่ถอนตัวยกรวมไทยสร้างชาติ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: