สุขภาพและการแพทย์

หมอญี่ปุ่นทึ่ง! กินข้าว 3 มื้อ ลดฮวบ 12 โล สวนกระแสโลว์คาร์บ ทำง่ายได้ผลจริง

สวนกระแสโลว์คาร์บ นายแพทย์ดังในญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์ตรงจากชายร่างท้วมเกิน 80 กก. ป่วยรุมเร้า สู่หุ่นเฟิร์มสุขภาพดี โรคเกาต์ นิ่วในไต หายสนิท ด้วยการกินข้าววันละ 3 มื้อ พร้อมซุปและกับข้าว 3 อย่าง ชี้ชัดกินถูกส่วน ดีกว่าอดจนโทรมหน้ายับ!

ท่ามกลางกระแสการลดน้ำหนักแบบ “Low-Carb, High-Fat” หรือการจำกัดคาร์โบไฮเดรต เน้นไขมัน ที่กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ทำให้หลายคนปักใจเชื่อว่าการบอกลาข้าว แป้ง คือหนทางสู่หุ่นเพรียว ทว่านายแพทย์ชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งกลับมาพร้อมเรื่องราวที่อาจทำให้ต้องคิดใหม่ เมื่อนายแพทย์ท่านนี้ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักถึง 12 กิโลกรัม ด้วยการรับประทานข้าวสวยครบทั้งสามมื้อต่อวัน พร้อมยืนยันหนักแน่นว่าข้าวคือแหล่งโปรตีนคุณภาพ และการตัดคาร์โบไฮเดรตสุดโต่งนั้นไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืนต่อสุขภาพ

บุคคลที่กำลังเป็นที่สนใจคือ นายแพทย์อุเมะโอกะ ฮิโตชิ ผู้อำนวยการบริหารกลุ่มการแพทย์ “ไบไค” และเจ้าของโรงพยาบาลถึง 9 แห่งในประเทศญี่ปุ่น นายแพทย์ฮิโตชิได้แบ่งปันเคล็ดลับการลดน้ำหนักอันน่าทึ่งผ่านหนังสือ “สุดยอดวิธีลดน้ำหนักฉบับคุณหมอแนะนำ” (The Best Weight Loss Method Guided by a Doctor) ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน โดยมีใจความสำคัญว่า “การรับประทานข้าวสามมื้อต่อวัน คือวิธีการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ”

แพทย์ญี่ปุ่นเผยเคล็ดลับลดน้ำหนัก 12 กก. กินข้าวครบ 3 มื้ อ สวนกระแสโลว์คาร์บ
ภาพจาก Soha VN

ภายในหนังสือ นายแพทย์ฮิโตชิเล่าย้อนถึงอดีตที่เคยมีน้ำหนักตัวมากกว่า 80 กิโลกรัม อันเป็นผลพวงจากตารางงานที่รัดตัว การขาดการออกกำลังกาย พฤติกรรมการกินที่ไม่ปกติ รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์และรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลังเลิกงานเป็นอาจิณ ส่งผลให้เผชิญภาวะโรคอ้วน โรคเกาต์ และโรคนิ่วในไตตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง นายแพทย์ฮิโตชิจึงทดลองวิธีการลดน้ำหนักแบบ Low-Carb ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนั้น สามารถลดน้ำหนักลงได้ 10 กิโลกรัมภายใน 3 เดือน แต่ทว่าความดีใจอยู่ได้ไม่นาน น้ำหนักก็ดีดกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หรือที่รู้จักกันในนาม “โยโย่เอฟเฟกต์” การจำกัดคาร์โบไฮเดรตอย่างเข้มงวดส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าที่คิด ทั้งการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ผิวหน้าเหี่ยวย่น สภาพจิตใจก็ย่ำแย่ เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า วิตกกังวล และไม่มั่นคง สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการทำงานอย่างรุนแรงฃ

แพทย์ญี่ปุ่นเผย งดข้าวไม่ช่วยลดความอ้วน

นายแพทย์ฮิโตชิเปิดเผยว่า “สำหรับผม การไดเอตแบบ Low-Carb สุดโต่งไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพเลย ทันทีที่ผมกลับมากินคาร์โบไฮเดรต น้ำหนักก็พุ่งพรวดทันที” พร้อมเสริม “ตอนเลิกกินข้าว น้ำหนักลดไป 10 กิโลกรัมก็จริง แต่ผิวกลับเหี่ยว แถมยังกลายเป็นคนหงุดหงิดง่ายขึ้นด้วย”

หลังจากทุ่มเทศึกษาเอกสารทางการแพทย์จำนวนมากและทดลองโปรแกรมอาหารต่างๆ ด้วยตนเอง ในที่สุดนายแพทย์ฮิโตชิก็ได้ค้นพบแนวทางการบริโภคที่อิงกับมื้ออาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม นั่นคือ “ข้าว ซุป และกับข้าวสามอย่าง” รับประทานวันละสามมื้อ นายแพทย์ฮิโตชิอธิบายว่า “การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วด้วยการคุมอาหารอย่างเคร่งครัด จะนำไปสู่การสูญเสียน้ำในร่างกาย ทำให้ร่างกายกลับมาอ้วนง่ายยิ่งกว่าเดิม” การรักษาวินัยการกินตามแนวทางนี้ในระยะยาว จะช่วยให้น้ำหนักลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป และลดความเครียดจากการอดอาหารได้อย่างมาก

การกินอาหารให้น้ำหนักลง ต้องประกอบไปด้วย ข้าว กับข้าว และน้ำแกง

ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง ภายในระยะเวลาหนึ่งปี นายแพทย์ฮิโตชิสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 12 กิโลกรัม ไม่เพียงเท่านั้น อาการของโรคนิ่วในไตและโรคเกาต์ที่เคยเป็นก็หายไป ปัญหาโยโย่เอฟเฟกต์ ความเหนื่อยล้า อารมณ์ฉุนเฉียว หรือความเครียดจากการไดเอตก็ไม่เกิดขึ้นอีกเลย

สำหรับความเชื่อที่ว่า “กินข้าวแล้วอ้วน” นายแพทย์ฮิโตชิแย้งว่า “ข้าวเจ้าให้คาร์โบไฮเดรตและโปรตีนคุณภาพดี คาร์โบไฮเดรตในข้าวนั้นเปลี่ยนเป็นไขมันได้ยาก เมื่อเทียบกับขนมปังที่มีสารปรุงแต่งมากมาย ข้าวกลับอุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และย่อยช้ากว่า ทำให้รู้สึกอิ่มได้นานกว่า”

นายแพทย์ฮิโตชิกล่าวเพิ่มเติม “ข้าวกล้องอุดมไปด้วยกรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด และเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง หากไม่รับประทานข้าวกล้อง สามารถเสริมโปรตีนจากถั่วและเนื้อไก่ได้”

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ฮิโตชิเน้นย้ำถึงความสำคัญของการควบคุมปริมาณข้าวที่รับประทาน โดยข้าว 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 150 แคลอรี่ จึงแนะนำให้รับประทานข้าวสวยมื้อละ 100-200 กรัม มื้ออาหารในอุดมคติควรประกอบด้วยข้าว ซุป กับข้าวที่เป็นโปรตีนหลักหนึ่งอย่าง และกับข้าวอีกสองอย่าง เพื่อให้ได้สมดุลของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุ

นอกจากนี้ ยังแนะนำให้รับประทานอาหารให้ครบสามมื้อต่อวัน โดยมีสัดส่วนแคลอรี่เป็น 3:3:4 และสำคัญอย่างยิ่งคือการหลีกเลี่ยงการรับประทานมื้อเย็นมากจนเกินไป ในหนังสือของนายแพทย์ฮิโตชิยังได้แนะนำอุปนิสัยที่ดีต่อการลดน้ำหนักเพิ่มเติม เช่น การจำกัดอาหารแปรรูป การเข้านอนเมื่อท้องเริ่มรู้สึกว่าง (ไม่รับประทานอาหารหนักก่อนนอน) การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7 ชั่วโมง และการออกกำลังกายเพื่อช่วยควบคุมความอยากอาหารที่มากเกินไป เคล็ดลับเหล่านี้ล้วนเป็นแนวทางสู่สุขภาพดีและรูปร่างที่สมส่วนอย่างยั่งยืน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง: Soha VN

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

New Nidhikant

จบการศึกษาคณะอักษรศาสตร์ เอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร นักเขียนสายมูเตลู และนักอ่านไพ่ทาโรต์ โหราศาสตร์ มีความสนใจด้านข่าวการเมือง ศิลปะวัฒนธรรม แฟชั่น และสายดูดวงมูเตลู งานเขียนเน้นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย อ่านสนุก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx