สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ด้วยเหตุเส้นเลือดสมองแตก สิริพระชนมายุ 88 พรรษา วาติกันเผยภาพในหีบพระศพ เริ่มขั้นตอนพิธีศพ และเตรียมจัดคอนเคลฟเลือกโป๊ปองค์ใหม่
สืบเนื่องจากกรณีวานนี้ (21 เมษายน 2568) สำนักวาติกันประกาศข่าวเศร้า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (Pope Francis) ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ลำดับที่ 266 ได้ สิ้นพระชนม์ลงแล้ว ในวันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2568 สิริพระชนมายุ 88 พรรษา หลังจากทรงเผชิญกับปัญหาพระพลานามัยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยสาเหตุการสิ้นพระชนม์ระบุว่า เกิดจากภาวะเส้นเลือดในสมองแตก (Cerebral Stroke) ซึ่งนำไปสู่ภาวะโคม่าและภาวะหัวใจล้มเหลว
ล่าสุด วาติกันได้เผยแพร่ภาพชุดแรก ซึ่งเป็นภาพพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสบรรทมสงบนิ่งอยู่ในหีบพระศพแบบเปิด ท่ามกลางพิธียืนยันการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปา (Confirmation of the Death of the Pontiff ceremony) ซึ่งจัดขึ้นเป็นการภายในเมื่อค่ำคืนวันเสียชีวิต ณ โบสถ์น้อยซันตามาร์ตา (Chapel of Santa Marta) อันเป็นที่ประทับของพระองค์
พิธีดังกล่าวใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง โดยมี คาร์ดินัลเควิน ฟาร์เรลล์ (Cardinal Kevin Farrell) ในฐานะ คาแมร์เลนโก (Camerlengo) หรือผู้ดูแลทรัพย์สินของสันตะสำนัก เป็นประธานในการอ่านประกาศยืนยันการสิ้นพระชนม์อย่างเป็นทางการ จากนั้นได้มีการประทับตราผนึกอพาร์ตเมนต์ส่วนพระองค์ทั้งในพระราชวังอาพอสโตลิกและที่ประทับ ณ ซันตามาร์ตาตามธรรมเนียมปฏิบัติ
ขั้นตอนสู่การเปลี่ยนผ่าน การไว้อาลัย พิธีศพ และคอนเคลฟ
การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปา ทำให้วาติกันเข้าสู่ช่วงเวลา “เซเดวากันเต” (Sede Vacante) กล่าวคือ เป็นภาวะที่ตำแหน่งพระสันตะปาปาว่างลง โดยการบริหารศาสนจักรชั่วคราวจะอยู่ภายใต้การดูแลของคณะพระคาร์ดินัล ซึ่งได้เริ่มประชุมกันแล้วเมื่อเช้าวันนี้ (22 เม.ย. 68) ณ โถงซีนอด เพื่อวางแผนดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ
การตั้งพระศพ คาดว่าพระศพจะถูกเชิญไปประดิษฐาน ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร เพื่อให้สาธารณชนเข้าถวายความเคารพ โดยจะประดิษฐานภายในหีบพระศพไม้บุสังกะสีชั้นเดียว อย่างเรียบง่ายตามพระประสงค์ แทนการตั้งบนแท่นสูงแบบดั้งเดิม
พิธีพระศพและการฝัง ตามข้อกำหนดใหม่ที่ทรงอนุมัติไว้ พิธีพระศพจะต้องจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 ถึง 6 หลังการสิ้นพระชนม์ ซึ่งคาดว่าจะเป็น ช่วงวันศุกร์ที่ 25 เมษายน ถึงวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายนนี้ และตามพระประสงค์สุดท้ายที่ระบุไว้ในพินัยกรรม พระศพจะถูกนำไปฝัง ณ มหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร (Basilica of St Mary Major) ในกรุงโรม ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ทรงผูกพันและโปรดเสด็จไปภาวนา
ช่วงเวลาไว้อาลัย 9 วัน (Novendiale) หลังพิธีพระศพ จะเป็นช่วงเวลาแห่งการไว้อาลัยอย่างเป็นทางการ 9 วัน ซึ่งจะมีการประกอบพิธีมิสซาในโบสถ์ต่าง ๆ และเป็นช่วงที่พระคาร์ดินัลจากทั่วโลกจะทยอยเดินทางมายังกรุงโรม
การประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปา (Conclave) จะจัดขึ้นหลังจากสิ้นพระชนม์ 15-20 วัน ณ โบสถ์น้อยซิสทีน โดย พระคาร์ดินัลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง (อายุต่ำกว่า 80 ปี) ซึ่งมีจำนวนไม่เกิน 120 องค์ จะร่วมประชุมและลงคะแนนลับหลายรอบ จนกว่าจะได้ผู้ที่ได้รับคะแนนเสียง 2 ใน 3 ผลการลงคะแนนแต่ละรอบจะถูกแจ้งผ่านควันไฟ ซึ่งสีดำ จะหมายถึงยังไม่ได้โป๊ปองค์ใหม่ และสีขาว หมายถึงได้โป๊ปองค์ใหม่แล้ว
การประกาศโป๊ปองค์ใหม่ เมื่อได้ผู้รับเลือก จะมีการประกาศคำว่า “Habemus Papam” หรือที่หมายความว่า เรามีพระสันตะปาปาแล้ว ณ ระเบียงมหาวิหารนักบุญเปโตร ก่อนที่สมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่จะทรงปรากฏพระองค์และประทานพรเป็นครั้งแรก
การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาผู้ทรงเป็นที่รักและเคารพยิ่งของชาวคาทอลิกกว่า 1.4 พันล้านคนทั่วโลกครั้งนี้ ถือเป็นการปิดฉากสมณสมัยแห่งความอ่อนน้อม การปฏิรูป และการเอาใจใส่ต่อผู้ยากไร้ รวมถึงเป็นการเริ่มต้นกระบวนการตามธรรมเนียมประเพณีอันเก่าแก่ของวาติกัน เพื่อประกอบพิธีพระศพและเตรียมการเลือกตั้งประมุขทางจิตวิญญาณองค์ที่ 267 ต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- วาติกันแถลง สาเหตุสิ้นพระชนม์ “โป๊ปฟรานซิส” ปรารถนาไม่ประดับหลุมศพ
- ย้อนภาพ โป๊ปฟรานซิส เยือนไทย ปี 62 เข้าเฝ้าฯ ในหลวง-สมเด็จพระสังฆราช
- พิธีศพ โป๊ปฟรานซิส วาติกันแจงขั้นตอนพิธีศพ-การฝัง ครั้งประวัติศาสตร์
ข่าวล่าสุด
