จุกอกพ่อ ลูกเจ้าชายนิทรา ร้องรพ.พลาด ข้องใจย้ำแต่ปั๊มหัวใจ-บริจาคร่าง

พ่อที่กำแพงเพชร ร้องรพ.วินิจฉัยพลาด ลูกอายุ 17 ปวดหัวรุนแรง บอกเป็นโรคไมเกรนให้กลับบ้าน วันเดียวกันทรุดกลับมาอีกรอบต้องผ่าตัด สรุปเส้นเลือดสมองแตก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ นอนเป็นเจ้าชายนิทรา ก่อนครอบครัวติดใจหนักหอบเอกสารมาขอมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม เดินเรื่องล่าสุดเตรียมถึงกระทรวงสาธารณสุข
เหตุการณ์นี้ นายภาสกร ดวงจิต อายุ 58 ปี ชาวกำแพงเพชร นำเรื่องมาร้องเรียนมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ที่จ.นนทบุรี เมื่อวานนี้ (5 มี.ค.) โดยยืนยันต่อหน้าสื่อมวลชน เรื่องนี้อาจจะไม่ร้ายแรง ถ้าโรงพยาบาลวินิจฉัยโรคถูกต้องตั้งแต่แรกให้น้ำเกลือและบอกว่าเป็น “โรคไมเกรน” ให้กลับไปรอดูอาการที่บ้าน กระทั่งในวันเดียวกันต้องกลับมานอนรักษาตัวที่เดิมเนื่องจากอาการทรุด
อัปเดตล่าสุดจากไทยพีบีเอสวันนี้ (6 มี.ค.) แพทย์แจ้งเบื้องต้นลูกชายเป็น “โรคเส้นเลือดในสมองแตก” อาการวิกฤตมีโอกาสรอดชีวิตแค่ร้อยละ 5 ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
หัวอกพ่อยังกล่าวทั้งน้ำตา ลูกชายจะอาการไม่หนักแบบนี้ หากการวินิจฉัยถูกต้องตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้ลูกเป็นเด็กแข็งแรง ชอบเล่นกีฬา ไม่เคยเจ็บป่วยจนต้องเข้า รพ.
กระทั่งตอนตี 4 ของวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา ลูกชายปวดหัวอย่างรุนแรงและอาเจียน ลุกนั่งเองไม่ได้ ตาไม่สู้แสงจึงรีบนำตัวส่ง รพ. ในกำแพงเพชร ต้องพาเข้าไปในห้องฉุกเฉิน นอนพักอยู่บนเตียงผู้ป่วยจนถึงเวลา 11.00 น. ของวันเดียวกัน จนพยาบาลแจ้งให้กลับไปดูอาการที่บ้าน
อ้างอิงเหตุการณ์ช่วงรพ.แจ้งให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านนั้น ข้อมูลของไทยรัฐระบุ คนเป็นพ่ออ้างว่าตอนนั้นลูกชายอาการยังไม่ดีขึ้น ส่วนแม่เด็กสอบถามกับพยาบาลจะขออยู่ต่อ แต่พยาบาลไม่ยอม บอกว่าลูกชายตนมีอาการโรคไมเกร จึงต้องยอมพาลูกกลับบ้าน แต่วันเดียวกันก็ต้องกลับมาอีกรอบ หลังจาก 2 ทุ่ม อาการปวดหัวกำเริบหนัก บอกว่า “หัวจะระเบิดแล้ว” จึงรีบพากลับไปที่รพ.อีกครั้ง
ไปถึงแพทย์ดูอาการแล้วรีบพาไปห้องเอ็กซเรย์สแกนสมอง พบว่าลูกเส้นเลือดในสมองแตก แพทย์ต้องรีบทำการผ่าตัด หลังผ่าตัดเสร็จแพทย์บอกว่าให้ทำใจ ลูกชายมีโอกาสรอดแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ทุกวันนี้ลูกชายอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ ถ้าถอดออกก็เสียชีวิต
หลังรับเรื่อง ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ในฐานะประธานมูลนิธิฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ขอย้ำว่าทางรพ.ในกำแพงเพชรต้องออกมาชี้แจงกับครอบครัวเพื่อให้ได้ทราบถึงการรักษาว่ามีความผิดพลาดตรงไหนหรือไม่ หากมีแล้วเกิดจากสาเหตุใด ทำไมถึงให้ผู้ป่วยที่มีอาการวิกฤตกลับไปดูอาการกันเองที่บ้านจนลูกชายเขาอาการวิกฤติหนัก นอนเป็นเจ้าชายนิทรา



“ให้ลูกชายผมออกจากรพ. หรือเพราะว่าลูกชายผมเป็นชาวบ้านตาสี-ตาสา หรือไม่ครับ? ถึงไม่ดูแลลูกชายผมให้ดีพอ เห็นลูกชายเป็นผักเป็นปลา ถ้าเป็นลูกคุณเป็นไงบ้างครับ ผมขอถาม? ถ้าเกิดลูกชายผมอยู่มันไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้หลอกครับ ผมโวยวายมาโดยตลอดหลังที่ทราบข่าวมา แพทย์มาหาพบเช้าบ่ายย้ำแต่ปั๊มหัวใจแต่บริจาคอวัยวะ”
“สุดท้ายจบตรงที่พ่อทำใจจะให้ปั๊มอยู่ไหม? บริจาคร่างกายไหม? ผมข้องใจตรงนี้ด้วย ถ้าเป็นลูกท่านจะเป็นยังไง แต่ผมรู้ลูกท่านไม่โดนหลอก ปูเสื่อตั้งแต่บันไดมาแล้ว ผมถึงมาตรงนี้ไงครับ มาเพื่อขอความเป็นธรรม” นายภาสกร ระบุ
ทั้งนี้ ทนายรณณรงค์ กล่าวหลังจากนี้เตรียมพาพ่อชาวกำแพงเพชรวัย 58 ปี ไปยื่นหนังสื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่กระทรวงสาธารณสุข เบื้องต้นคือเรื่องการหาทางออกเรื่องการเยียวยาครอบครัวเป็นลำดับแรก รวมถึงต้องมีผู้รับผิดชอบกับกรณีนี้ เน้นย้ำกระบวนการตรวจสอบและเยียวยาครอบครัวเด็กที่ป่วยต้องดำเนินการไปพร้อมๆ กันและจะคอยตติดตามความคืบหน้ามาอัปเดตกับสื่ออีกครั้ง.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นำร่อง รพ.ธรรมศาสตร์ฯ! ซีพี ออลล์ บริจาค 77 ล้าน 77 โรงพยาบาลสู้โควิด-19
- สภาการพยาบาล ออกแถลงเรียกร้อง ปมหมอทุบหลังพยาบาล
- ประกันสังคม 2568 เปลี่ยนโรงพยาบาล-ย้ายสิทธิ วันไหน