วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 มีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “เชียงราย” ได้ระบุว่า “ด่วน! พม่าตอบโต้ทางการไทย พม่าออกคำสั่งระงับการข้ามแดนจากท่าขี้เหล็กไปไทย ห้ามใช้พาสปอร์ตข้ามประเทศ ท่าขี้เหล็ก 6 ก.พ. 2025
รัฐบาลทหารเมียนมา ได้ออกคำสั่งระงับการเดินทางจากเมืองท่าขี้เหล็ก สู่เมืองแม่สาย ประเทศไทย โดยใช้หนังสือเดินทาง (Passport) ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ประจำด่านสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 ท่าขี้เหล็ก ได้ปฏิเสธไม่ให้ผู้ถือพาสปอร์ตข้ามแดนไปยังประเทศไทย
คำสั่งดังกล่าวมีผลทันที โดยไม่มีการแจ้งเหตุผล ทั้งไม่มีกำหนดเวลาที่จะกลับมาอนุญาตให้เดินทางได้ การระงับนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ต้องการข้ามแดนเพื่อการท่องเที่ยว การรักษาพยาบาล และการศึกษา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการอนุญาตให้ใช้วีซ่าชั่วคราว (Tr Visa) หรือพาสปอร์ตในการเดินทางข้ามแดน
นอกจากนี้ รายงานว่า รัฐบาลทหารเมียนมา ได้ออกมาตรการจำกัดการเดินทางออกนอกประเทศสำหรับชายอายุ 18-35 ปี ภายใต้กฎหมายการเกณฑ์ทหาร โดยไม่อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศจนกว่าจะผ่านกระบวนการเกณฑ์ทหาร
รัฐบาลทหารเมียนมายังได้สั่งระงับโครงการฝึกอบรมแรงงานสำหรับการไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในการขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศ ทำให้ผู้ที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศต้องเผชิญกับอุปสรรค การระงับการเดินทางข้ามแดนนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการเคลื่อนไหวของประชาชนในประเทศ ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายว่าเป็นการจำกัดเสรีภาพของประชาชนและส่ง ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ”
ก่อนหน้านี้ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 รัฐบาลไทยได้สั่งการให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้าที่ส่งไปยัง 5 พื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อสกัดกั้นการดำเนินงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้เมืองชเวโกะโก เป็นฐานปฏิบัติการ
โดยพื้นที่ 5 จุดที่ถูกตัดไฟ ได้แก่
- บริเวณบ้านเจดีย์สามองค์ – เมืองพญาตองซู รัฐมอญ
- บริเวณบ้านเหมืองแดง – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน
- บริเวณสะพานมิตรภาพไทย – พม่า – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน
- บริเวณสะพานมิตรภาพไทย – พม่า แห่งที่ 2 – อ. เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง
- บริเวณด่านพรมแดนแม่สาย – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน
พล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปิดเผยว่า การตัดกระแสไฟฟ้าครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นการประสานงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายไทยและเมียนมา เพื่อตัดวงจรและลดทอนศักยภาพของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในการหลอกลวงประชาชน
อย่างไรก็ตาม การตัดกระแสไฟฟ้าอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย แต่รัฐบาลไทยยืนยันว่า การดำเนินการครั้งนี้มีความจำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นภัยร้ายที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังได้ดำเนินมาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างยั่งยืน อาทิ การประสานงานกับทางการเมียนมา การลาดตระเวนพื้นที่ชายแดน การให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อ และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สปป.ลาวแจงละเอียดยิด ลดการจ่ายไฟไปท่าขี้เหล็ก หวั่นส่งไฟให้แก๊งคอลเซ็นเตอร
- ตร.ไซเบอร์ อายัดบัญชีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกอดีตข้าราชการครู สูญ 2 ล้านได้แล้ว
- ตำรวจบุกรวบ 2 บิ๊กบอส ชาวจีน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์กว่า 15 ล้าน
ข่าวล่าสุด
