เดินทาง 5,000 กิโล กลับบ้านตรุษจีน เห็นสภาพแม่ในห้องนอน รีบหนีกลับทันที “ทนอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”
เดินทาง 5,000 กิโลเมตร กลับบ้านเกิดช่วงตรุษจีน พอเห็นสภาพแม่ในห้องนอน ผมรีบขึ้นรถกลับเมือง “ทนอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”
ใกล้เทศกาลตรุษจีน 2568 ระหว่างวันที่ 27-29 มกราคม เรื่องราวเกี่ยวกับการกลับบ้านไปรวมญาติกับครอบครัว เมื่อปีที่แล้ว ถูกชาวเน็ตจีนกลับมาแชร์ประสบการณ์สู่กันฟัง อ่านกี่ครั้งก็เจ็บปวดหัวใจ
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 บัญชีผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่ง ได้โพสต์เรื่องราวสุดเศร้าในช่วงเทศกาลตรุษจีนลงบน Weibo ว่า “ไม่ใช่ทุกคนที่โชคดีมีบ้านให้กลับในช่วงตรุษจีน การที่ยังมีพ่อแม่อยู่ แต่ไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มันรู้สึกอย่างไร?”…
“ขออนุญาตไม่เปิดเผยตัวตน เพื่อที่จะได้เล่าเรื่องราวของตัวเองได้อย่างสบายใจ ความจริงแล้ว สิ่งที่ฉันกำลังจะเล่าต่อไปนี้ ไม่ได้หวังให้ใครมาช่วยเหลือ เพียงแต่ฉันอยากหาที่ระบายความในใจ”
“ขอแนะนำตัวคร่าวๆ นะคะ ปีนี้ฉันอายุ 25 ปี ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย แต่จากบ้านนอกขึ้นไปทำงานที่ซินเจียงตั้งแต่อายุ 20 ปี ถ้าไม่มีเหตุการณ์สำคัญอะไรในครอบครัว ฉันจะกลับบ้านปีละครั้ง บางปีช่วงตรุษจีนฉันก็ไม่ได้กลับ เหตุผลแรกคือไม่มีเงิน เหตุผลที่สองคือครอบครัวฉันไม่มีความสุข พ่อในความทรงจำของฉันเป็นพ่อและสามีที่แย่มาก เขาเมาหัวราน้ำทุกวัน ชอบดุด่าฉันกับแม่ ส่วนพี่ชายแต่งงานแล้วก็ไปอยู่บ้านภรรยา”
“ที่บ้านยังมีคุณย่า แต่ท่านก็ไม่ชอบฉันกับแม่ เคยพูดว่าเลี้ยงลูกสาวมีแต่เปลืองข้าว โตขึ้นก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว สรุปคือมีแต่แม่นี่แหละที่เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันอยากอยู่บ้าน แต่ด้วยความที่บ้านยากจน ฉันจึงต้องเลือกที่จะจากบ้านไปทำงานหาเงิน”
“ตรุษจีนปีนี้ ฉันได้ข่าวว่าคุณย่าเป็นอัมพาต ต้องนอนติดเตียง แม่ก็เพิ่งล้มเพราะไปทำนา และฉันก็ไม่ได้กลับบ้านมา 2 ปีแล้ว เลยตัดสินใจไม่ทำงานล่วงเวลาช่วงตรุษจีน เพื่อกลับไปหาแม่ แต่ฉันไม่ได้โทรบอกที่บ้าน เพราะอยากเซอร์ไพรส์ อีกอย่างแม่ก็ยุ่งอยู่กับงานตลอด”
“ฉันเดินทางไกล 5,000 กิโลเมตร จากซินเจียงกลับกวางตุ้ง รวมระยะทางจากตัวเมืองไปถึงบ้านในชนบทห่างไกล วันนั้นฉันไปถึงหน้าบ้านก็ค่อนข้างดึกแล้ว เกือบ 3 ทุ่ม พอเดินถึงหน้าประตูบ้าน ก็ได้ยินเสียงพ่อเมาแล้วด่าทอ ใจฉันเจ็บแปลบ”
“ผ่านมาหลายปีแล้ว เขาก็ยังเป็นแบบเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพ่อตอนเมา ฉันเลยถือสัมภาระอ้อมไปทางหลังบ้าน เดินผ่านครัวแคบๆ ขึ้นไปบนห้องของคุณย่า ฉันแทบช็อก เมื่อเห็นแม่กำลังเช็ดน้ำตา พร้อมกับพยายามดูแลคุณย่าที่นอนป่วยอยู่บนเตียง ทั้งป้อนข้าว ป้อนน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม โดยไม่มีใครช่วยเลย ‘แกมันไร้ประโยชน์ เพราะแกย่าถึงล้มป่วย ดูแลเองแล้วกัน’ เสียงพ่อฉันยังดังก้องอยู่ในหัว”
“ฉันเจ็บปวดมาก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลก บ้านก็จน พ่อก็ติดเหล้า ตอนนี้ย่ายังล้มป่วยอีก ฉันได้ยินเสียงพ่อตะโกนว่า ‘พรุ่งนี้ ไอ้ต้วน (พี่ชาย) จะพาลูกเมียกลับมา แกทำกับข้าวอร่อยๆ ให้มันกินนะ ส่วนลูกสาวแกปีนี้คงไม่กลับมาหรอก มันส่งเงินมาก็พอแล้ว กลับมาก็รกบ้านเปล่าๆ'”
“ฉันมองไปรอบๆ บ้าน มันเป็นอย่างที่พ่อพูดจริงๆ บ้านหลังเดิมๆ แต่ตอนนี้ดูอึดอัดคับแคบกว่าเดิม ไม่มีแม้แต่ที่นอนดีๆ แถมใกล้จะถึงตรุษจีนแล้ว แต่ในบ้านมีแต่กลิ่นอับชื้น กลิ่นเหล้า…”
“ฉันถามตัวเองว่า ยังมีเหตุผลอะไรที่ต้องอยู่ที่นี่อีก เลยวางของขวัญลงบนพื้น แล้วเดินออกไป ไปหาห้องเช่าในหมู่บ้านนอน เช้าวันรุ่งขึ้นก็รีบขึ้นรถกลับเมือง จำได้ว่าวันนั้นร้องไห้หนักมาก”
“พูดตามตรง มันไม่ใช่เรื่องช็อกอะไร เพราะฉันก็ชินกับสภาพครอบครัวแบบนี้แล้ว แต่ทุกครั้งที่กลับมาที่บ้านหลังนี้ ความทุกข์ระทมในชีวิตของฉันก็ยิ่งชัดเจนขึ้น และฉันก็ยิ่งสงสารแม่มากขึ้น ฉันจำภาพหลังของแม่ที่ผอมแห้ง ผมหงอกขาว ได้ติดตา คิดดูสิ 1 ปีมี 365 วัน แม่ต้องทนอยู่กับสภาพแบบนี้ทุกวัน มันยิ่งทำให้ฉันเสียใจ”
“บางที สิ่งเดียวที่ทำให้แม่ทนอยู่ในชีวิตแต่งงานแบบนี้ได้ คงเป็นเพราะความผูกพัน เพราะเมื่อ 10 กว่าปีก่อน พ่อก็เป็นผู้ชายที่ดี รักเมียรักลูก แต่หลังจากที่บ้านล้มละลาย เขาก็เหมือนกลายเป็นคนละคน แย่ลงเรื่อยๆ”
“ตอนนี้ ฉันตั้งสติได้แล้ว เป้าหมายของฉันชัดเจนกว่าที่เคย ฉันจะทำงานหนัก ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดาหรือวันหยุด หาเงินเยอะๆ แล้วเช่าบ้านดีๆ พาแม่ไปอยู่ด้วย หนีออกจากบ้านหลังนั้นให้ได้”
“ตอนนั่งรถกลับเมือง ฉันบอกกับตัวเองว่า จะทำงานตลอดช่วงตรุษจีน ไม่หยุดเลย เงินเดือนช่วงตรุษจีนจะได้คูณ 3 คูณ 4 บวกกับเงินเก็บที่สะสมมาหลายปี และจากการทำงานหนักต่อไป ฉันเชื่อว่า วันที่ฉันจะไปรับแม่มาอยู่ด้วยคงอีกไม่นาน”
“ทนอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว แม่ฉันลำบากมามากพอแล้ว…”
หลังจากที่เรื่องราวของหญิงสาวคนนี้ถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก หลายคนบอกว่า พวกเขารู้สึกเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของเธอ เพราะเคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แต่ทุกคนก็ชื่นชมความเข้มแข็งของเธอ แทนที่จะโทษโชคชะตา ทำไมไม่ใช้เวลาไปทำงาน หาเงิน เพื่อสร้างชีวิตที่ดีกว่า
เราทุกคนไม่มีสิทธิ์เลือกพ่อแม่ เลือกสถานที่เกิด แต่มีสิทธิ์ที่จะกำหนดชีวิตของตัวเอง ดังนั้น หากคุณโชคร้าย ไม่ได้เกิดในครอบครัวที่อบอุ่น มีฐานะทางการเงินดี ก็ไม่ใช่ความผิดของคุณ อย่าโทษตัวเอง และอย่างที่คนโบราณว่าไว้ “ฟ้าไม่ทำลายคน” ดังนั้น จงพยายามต่อไป เพื่อให้ได้ชีวิตที่ต้องการ
ที่มา : Soha
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ชายวัย 35 อ้วกเป็นเลือด 2 ลิตร หลอดอาหารฉีกขาด สาเหตุจากสิ่งที่คนชอบกินช่วงตรุษจีน
- แก้ชงวันไหนดีสุด เช็กปฏิทินตรุษจีน 2568 ไหว้ยังไงให้ดวงปัง
- แหม่มรัสเซีย คลั่งคว้ามีดไล่แทงตร.-ชาวบ้าน สุดท้ายโดนกระสุนยางยิงสยบ