ตัวละครใหม่ สคบ. รีบต่อสายหา กรรชัย กลางโหนกระแส แจงภาพร่วมทำบุญบอสพอล
อดีตรองเลขาสคบ. สุวิทย์ วิจิตรโสภา ยกหูหา หนุ่ม กรรชัย กลางรายการสด โหนกระแสวันนี้กรณีภาพหลุดร่วมทำบุญกับบอสพอล เจ้าของดิไอคอนกรุ๊ป ย้ำเจอกันในงานแค่ 2 ครั้ง ไม่สนิท พร้อมเคลียร์ปมสั่งสอบบริษัทธุรกิจตลาดตรง จู่ ๆ ทำไมชะงัก
สุวิทย์ วิจิตรโสภา ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและอดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวในรายการโหนกระแสเมื่อบ่ายที่ผ่านมา (15 ต.ค.) โดยเป็นการติดต่อเข้าไปกลางรายการสดหลังจากมีการเปิดภาพบุคคลในสำนักงานสคบ. ไปโผล่ร่วมงานบุญกับ “บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้บริหารบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปซึ่งกำลังมีประเด็นหลอกลวงผู้เสียหายมาลงทุนจำนวนมาก
นายสุวิทย์เปิดเผยว่า รู้จักกับนายวรัตน์พลหรือ “บอสพอล” เมื่อตอนต้นปี 65 อีกฝ่ายมาสวัสดีปีใหม่ในช่วงเทศกาล ช่วงนั้นตนเป็นประธานงานบุญหล่อพระและได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงานบุญจึงได้ไปเจอกันที่งานหล่อพระที่โคราชเมื่อ 23 ต.ค. ซึ่งการนัดเจอกันเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวที่เป็นนักปฏิบัติธรรมตัวยง ความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่ได้มีความสนิทสนมตามที่มีการเข้าใจผิดแต่อย่างใด
ต่อมา กรรชัย ถามถึงประเด็นที่บ.ดิไอคอนกรุ๊ปมีปัญหาจน สคบ. ส่งหนังสือตรวจสอบตอนปี 61 เรื่องนี้ทางปลายสายก็แจ้งกลับมาว่าคงจำข้อมูลดังกล่าวได้ไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากระหว่างปี 2559-63 ยังดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักแผนและการพัฒนาการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งเป็นคนละส่วนงานกับการตรวจสอบดังกล่าว
ส่วนที่ถามว่าเคยดูแลเรื่องหนังสือที่ยื่นมาของบริษัทดิไอคอนหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่วาว่าถ้าเป็นช่วงดำรงตำแหน่งรองเลขาฯ อาจจะมีผ่านตาบ้างแต่ปกติก็มีการดำเนิการตามระบบและเระเบียบของหน่วยงานอยู่แล้ว ส่วนที่ว่าทำไมเรื่องถึงเงียบไปอดีตรองเลขาฯ สคบ. ชี้แจงโดยยกระเบียบขั้นตอนดำเนินการ หากผ่านไปสักระยะไม่มีหนังสือตอบกลับมา ทางสคบ.ก็จะมีหนังสือทวงถามไปอีกครั้ง แต่ประเด็นนี้ตนไม่แน่ใจได้มีหนังสือทวงถามหรือไม่เพราะไม่ได้อยู่รับผิดชอบในส่วนงานดังกล่าว
ตอนท้ายนายสุวิทย์ย้ำกับกรรชัยว่า ตนไม่ใช่เทวดาที่สังคมกำลังจับตามองอย่างแน่นอน และที่ผ่านมาตอนเจอกันที่งานบุญก็ไม่เคยไปพูดส่งเสริมอะไรให้บริษัทของอีกฝ่าย
ทั้งนี้ในส่วนของเอกสารที่ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบ่งตรงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ทำหนังสือไปถึงเลขาธิการ สคบ. ในขณะนั้น เรื่อง “รายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด” โดยพบว่าจัดทำเมื่อปี 2561 เพื่อรายงานข้อเท็จจริงและให้ตรวจสอบการทำธุรกิจของบริษัทดังกล่าวเข้าข่ายการทำธุรกิจขายตรงและแชร์ลูกโซ่หรือไม่หลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนโดยตรวจสอบพบว่ามีการทำธุรกิจแบบผิดปกติ บริษัทดังกล่าวตั้งนิติบุคคลขึ้นมา วันที่ 1 มิ.ย.2561 มีกรรมการบริษัท 1 คน มีการยื่นหนังสือขอหารือการประกอบธุรกิจ วันที่ 13 มิ.ย. 2561 แบบขายตรง
อย่างไรก็ดีหลังจากส่งหนังสือดังกล่าวไปยังเลขาธิการ สคบ.ในขณะนั้นแล้ว ทางเลขาฯสคบ.เห็นด้วยว่ามีความไม่ชอบมาพากล เกี่ยวกับลักษณะการทำธุรกิจจึงทำหนังสือ 3 ฉบับส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายนอก เมื่อ 20 ก.ค. 2561 ประกอบด้วย 1.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง เพื่อให้พิจารณาว่าเข้าข่ายธุรกิจแชร์ลูกโซ่หรือไม่ เนื่องจากกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแลกฎหมายโดยตรง
2.ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่านทาง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. เพื่อให้ดำเนินการเกี่ยวกับบริษัทดังกล่าว 3.ส่งถึงเลขาธิการอาหารและยา (อย.) เกี่ยวกับเรื่องการโฆษณาสินค้า ซึ่งในสวนของอย.นั้น ทางนายณัชภัทร ขาวแก้ว ผอ.ฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์และติดตามสอดส่องการประกอบธุรกิจ กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงของสคบ. ก็ให้ข้อมูลในส่วนนี้ทาง อย.ตอบกลับมาแล้วและมีการเปรียบเทียบปรับกันไปแล้วเมื่อปี 62.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อดีตรองเลขาฯ สคบ. โต้ปมรูปคู่บอสพอล พีคอีก กรรชัย เปิดหลักฐานใหม่
- แฉ บอสพอล จ่ายเทวดาตั้งแต่ปี 63 เกินพันล้าน ใกล้ชิดผู้ใหญ่ระดับบิ๊กในรัฐบาล
- ปปง.สอบ ดิไอคอน17 ต.ค. 6 บิ๊กบอส จ่อถูกยึดทรัพย์