เปรียบเทียบสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่น Samsung Galaxy S24 FE และ iPhone 16 สองมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่ชูโรงด้วยฟีเจอร์ AI และการถ่ายวิดีโอ แต่ราคาต่างกันเกือบหนึ่งหมื่นบาท
ถือว่าเป็นคู่ท้าชนที่น่าสนใจที่สุดในเวลานี้สำหรับ Galaxy S24 FE ของค่าย ซัมซุง และ iPhone 16 ของแอปเปิล จากการที่ทั้งสองรุ่นเปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยช่วงเดือนกันยายน และมีจุดขายที่ ‘ฟีเจอร์ AI’ และ ‘การถ่ายวิดีโอ’ แต่ด้วยราคาที่ต่างกันจากประมาณ 10,000 บาท ลองมาดูข้อเปรียบเทียบของทั้งสองรุ่นนี้ ว่าตัวไหนเด็ด รุ่นไหนโดด และควรค่าแก่การจ่ายมากกว่ากัน
Samsung Galaxy S24 FE
มือถือน้องเล็กสุดของ Galaxy S24 series รอบนี้มีมาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเป็น 6.7 นิ้ว ปรับปรุงความสว่างสูงสุดเป็น 1900 นิต พร้อมกับเปลี่ยนสีเครื่องเป็นแนวพาสเทล ละมุนกว่าเดิม และแน่นอนว่าสามารถใช้งานฟีเจอร์ Galaxy AI
IPhone 16
อัปเกรดหลายฟังก์ชันและฟีเจอร์ให้ได้ใช้งานกัน ทั้ง ดีไซน์กล้องหลังแบบแคปซูล เพิ่มปุ่ม Action Button ซึ่งจากรุ่นก่อนหน้าจะมีให้ใช้แค่เฉพาะรุ่น Pro เท่านั้น พร้อมทั้งเพิ่มปุ่มชัตเตอร์ Camera Control เข้าไปให้ใช้งานถ่ายรูปได้อย่างสะดวกมากขึ้นด้วย ชิปเซ็ตอัปเกรดเป็น Apple A18 Bionic และแน่นอนว่ารองรับ Apple Intelligence
จอภาพ Galaxy S24 FE กินขาด
ปีนี้ซัมซุงขยายหน้าจอ Galaxy S24 FE มาเป็น 6.7 นิ้ว จากเดิม 6.4 นิ้ว ทำให้มีขนาดเท่ากับหน้าจอของ iPhone 16 Plus พอดิบพอดี แต่จุดแตกต่างที่สำคัญคือ Galaxy S24 FE มาพร้อมอัตรารีเฟรช 120Hz ในขณะที่ iPhone 16 ยังอยู่กับ 60Hz ต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ปี
ทั้งนี้ อาจมีบางคนที่มองว่าหน้าจอ 60Hz ไม่ได้แย่อะไรนัก แต่ด้วยความที่ iPhone 16 มีค่าตัวค่อนข้างสูง มาค้ำคออยู่ จึงเกิดข้อเปรียบเทียบได้ไม่ยากนำไปสู่คำถามที่ว่า ‘ทำไมไม่ใส่ 90Hz ?’ อย่างไรก็ดี อัตรารีเฟรชไม่ใช่จุดชี้ขาดในการเลือกซื้อมือถือ Galaxy S24 FE และ iPhone 16
ชิปประมวลผลแอปเปิลยังทำออกมาได้ดีกว่าเสมอ
Galaxy S24 FE เปิดตัวพร้อมชิปใหม่ Exynos 2400e ซึ่งซัมซุงไม่ได้อัปเดตรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม ยกเว้นความเร็วสูงสุดของซีพียูแกนหลัก 3.1 GHz ที่ต่ำกว่า Exynos 2400 ใน Galaxy S24 อยู่ 0.1 GHz ส่วนแกนอื่น ๆ ที่เหลือ ได้ความเร็วเท่ากัน
จากข้อมูลข้างต้น ที่เคยปรากฏใน Galaxy S10e มือถือเรือธงรุ่นเล็ก มองว่า Exynos 2400e คือชิปที่ปรับลดประสิทธิภาพลงมาจาก Exynos 2400 เล็กน้อย ส่วน iPhone 16 มากับชิป A18 ที่แรงเป็นอันดับ 2 ในตลาด หากวัดด้วย Geekbench จะเป็นรอง A18 Pro บน iPhone 16 Pro เพียงรุ่นเดียว หรือต่อให้วัดด้วย AnTuTu ก็ยังอยู่ในลำดับต้น ๆ แต่ประสิทธิภาพที่แท้จริงของ Exynos 2400e และ A18 จะเป็นอย่างไร คงต้องรอดูหลังจากนี้อีกที
กล้องหลัง S24 FE โดดเด่น
ช่วงหลังมานี้ สัผู้ผลิตหลายค่ายหันมาให้ความสำคัญกับกล้องเทเลโฟโต ทั้งขนาดเซนเซอร์และระยะการซูม ซึ่ง Galaxy S24 FE ก็ให้เลนส์มาครบช่วง กล้องหลัก กล้องอัลตราไวด์ และกล้องเทเล รองรับซูมออปติคัล 3 เท่า เป็นระยะที่เหมาะแก่การถ่ายพอร์เทรต นอกจากนี้ยังรองรับซูมดิจิทัลสูงสุด 30 เท่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่หลายคนมักพกมือถือไปในงานคอน จึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่ซัมซุงถือไพ่เหนือกว่า iPhone 16 ที่ใส่กล้องมาให้เพียง 2 ตัว เป็นกล้องหลัก กับกล้องอัลตราไวด์ ซูมดิจิทัลไกลสุดได้แค่ 10 เท่า
การถ่ายวิดีโอสูสีมีดีคนละแบบ
แอปเปิลและซัมซุง ต่างโปรโมตว่ามือถือของตัวเองโดดเด่นด้านการถ่ายวิดีโอ โดย Galaxy S24 FE ยกเรื่องการถ่ายวิดีโอ 8K ที่ 30 fps ซึ่งมีมือถือเพียงไม่กี่รุ่นในตลาดที่สามารถทำได้ แม้แต่ iPhone 16 Pro ก็ทำไม่ได้ และสิ่งที่ทำให้รุ่นนี้ยิ่งพิเศษขึ้นไปอีกคือด้านราคาเพียง 20,000 กว่าบาทเท่านั้น
ในขณะที่ iPhone 16 มีการอัปเกรดไมโครโฟน เป็นไมโครโฟนระดับสตูดิโอ 4 ตัว มีฟีเจอร์ตัดเสียงลมในตัว รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Spatial เพื่อนำไปแสดงผลบน Apple Vision Pro พร้อมฟีเจอร์ Audio Mix ถ่ายเสร็จแล้วมาเลือกทีหลังได้ว่าจะให้วิดีโอโฟกัสเสียงตรงจุดไหน เช่น การถ่าย vlog ก็จะเน้นเสียงพูดภายในเฟรมเป็นหลัก และลบเสียงรบกวนรอบข้างออก โดยที่ฟีเจอร์นี้ ปิดจบได้จากบนเครื่อง ไม่ต้องต่อพีซีให้วุ่นวาย ถ่ายเสร็จปุ๊บ อัปโหลดลงโซเชียลได้ทันที
ฟีเจอร์ AI S24 FE พร้อมให้ใช้งานทันที
ฟีเจอร์ Galaxy AI ในปัจจุบันพร้อมให้ใช้งานในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง Galaxy S24 FE ก็มาพร้อมฟีเจอร์นี้ตั้งแต่แกะกล่องใช้งาน ส่วนฝั่ง Apple Intelligence ปีนี้เปิดให้ใช้งานแค่บางฟีเจอร์ เช่น Clean Up และบรรดาฟีเจอร์เกี่ยวกับภาษา (การเขียน การสรุปเนื้อหา) แต่มีข้อจำกัดตรงที่ยังไม่รองรับภาษาไทย และแอปเปิลเองยังไม่ประกาศว่าจะเริ่มใช้เมื่อไหร่ เร็วที่สุดอาจจะเป็นปี 2025
ดังนั้นเทียบเรื่องความพร้อมในการใช้งานฟีเจอร์ AI ฝั่ง Galaxy AI ยังกินขาด สำหรับคนที่ซื้อ iPhone 16 โดยคาดหวังเรื่องฟีเจอร์ AI อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ในเวลานี้
ฟังก์ชันและลูกเล่นอื่น ๆ
ฝั่ง Galaxy S24 FE มีพอร์ต USB 3.2 Gen 1 เร็วกว่า USB 2 สิบเท่า ช่วยประหยัดเวลาถ่ายโอนข้อมูลไปได้มาก (สายต้องรองรับด้วย) รองรับ Samsung DeX ส่งภาพขึ้นมอนิเตอร์หรือทีวี แสดงผลในโหมดเดสก์ท็อปได้ เหมือนมีพีซีขนาดย่อมที่พกติดตัวไปได้ทุกที่ ส่วน iPhone 16 มี Camera Control สำหรับช่วยควบคุมกล้องโดยไม่ต้องแตะหน้าจอ เพิ่มความแปลกใหม่ และในอนาคตจะรองรับคำสั่งอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยขึ้นอยู่กับแต่ละแอป รองรับ Wi-Fi 7 และ Qi2 ที่เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อใหม่ และมาตรฐานการชาร์จไร้สาย
ราคา S24 FE ทำออกมาได้ดีกว่า iPhone 16 เทียบกับฟีเจอร์ที่ให้
Galaxy S24 FE เปิดตัวมาด้วยค่าตัวที่ย่อมเยากว่า iPhone 16 อยู่มาก โดย Galaxy S24 FE ความจุ 128GB ราคาอยู่ที่ 22,900 บาท ส่วน ความจุ 256GB ราคาอยู่ที่ 25,900 บาท สำหรับ iPhone 16 ความจุ 128GB ราคาอยู่ที่ 29,900 บาท และ ความจุ 256GB ราคาอยู่ที่ 33,900 บาท แต่ฝั่งซัมซุงมีโปรฯ อัปเกรดความจุฟรี หากซื้อก่อนวันที่ 2 ตุลาคม ซึ่งปัจจัยเรื่องราคาอาจเป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้น ๆ ในการพิจารณาเลือกซื้อมือถือสักเครื่องของผู้ใช้งาน
สรุป S24 FE VS iPhone 16
มือถือทั้งสองรุ่นมีความโดดเด่นในแบบของตน Galaxy S24 FE ได้หน้าจอประสิทธิภาพสูง กล้องหลังครบระยะ รองรับวิดีโอความละเอียดสูง และมีฟีเจอร์ AI ที่พร้อมใช้งาน รวมถึงโหมดเดสก์ท็อป ส่วน iPhone 16 มีชิปที่ทรงพลัง ไมโครโฟนเกรดสตูดิโอ พร้อมระบบปฏิบัติการลื่นไหล และฟีเจอร์ที่ออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับสินค้าในเครือของตนได้เป็นอย่างดี สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งานนั้นเอง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง