สรุปดราม่า “ครูเบญสอบไม่ผ่าน” ทำไมได้สิทธิสอบภาค ค ทุกอย่างโปร่งใสจนเกิดคำถาม
ครูเบญสอบไม่ผ่าน จริงไหม สพฐ. ย้ำทุกอย่างโปร่งใสจนสังคมคาใจปมมีสิทธิสอบ ภาค ค ได้ไง หลักฐานข้อสอบทำไมไม่เอามาโชว์ น้าครูสาวเผยน้องบอบช้ำหนักคงหยุดเดินหน้าถามหาความยุติธรรม
ตั้งแต่เกิดเรื่องที่ออกมาโพสต์แจ้งตัวเองชื่อหายไปแบบปริศนา กระทั่งเหตุการณ์ลุกลามจนล่าสุด ผลสืบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ สพฐ. เสร็จสิ้นแล้ว เบื้องต้น สพฐ.พบว่าผลสอบ “ครูเบญ” หรือ น.ส.เบญญาภา คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ทั้งภาค ก. และ ภาค ข. คะแนนไม่ถึง 60 เปอร์เซนต์ และไม่ติด 1 ใน 10 ส่วนผู้ได้คะแนนอันดับ 1 ในการประกาศผลรอบที่สอง ก็พบว่าคะแนนสูงสุดจริง
อย่างไรก็ดี ด้วยข้อเท็จจริงที่ฝั่งคณะกรรมการ สพฐ. อ้างว่าผลการตรวจสอบยังไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ทั้งหมดในวันที่ตั้งโต๊ะแถลงความคืบหน้าล่าสถุด เมื่อ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ประเด็นผลสอบของครูเบญยังเป็นที่เคลือบแคลงใจของสังคม โดยเฉพาะในสื่อโซเชียลที่มีการตั้งข้อสังเกตของผลการสืบข้อเท็จจริงที่ชี้แจงว่า ครูเบญสอบไม่ผ่าน ภาค ก และ ภาค ข แต่ไปปรากฏชื่อเป็นผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ ภาค ค ได้อย่างไร ?
มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม – CRSJ Foundation มีการโพสต์ข้อความทวงถามพร้อมระบุเนื้อหาที่ผู้คนจำนวนมกาเกิดความรู้สึกต่อเหตุการณ์นี้ว่า “สังคมยัง งง ต่อ”
โพสต์ดังกล่าวยังจุดชนวนประเด็นคาใจเพิ่มเติมกรณีที่หน่วยงานต้นสังกัดไม่เอาข้อสอบกับกระดาษคำตอบมากางโชว์ในวันแถลงข่าว
“เราไม่สงสัยเรื่องผลสอบว่าผ่านหรือไม่ผ่าน แต่เราสงสัยเรื่องที่ไม่เอาข้อสอบ กับกระดาษคำตอบมากาง ชี้แจงให้ฟังตั้งแต่แรก เมื่อเจ้าตัวเขายอมให้เปิดเผยทำไมถึงเก็บไว้เป็นอาทิตย์แล้วค่อยมาเปิดผลสอบวันนี้ว่าไม่ผ่าน ทั้งภาคก และภาคข ยังไงมันก็ดูแปลกๆอยู่ดี”
ส่วนประเด็นที่ ครูเบญไปโผล่มีชื่อสอบ “ภาค ค” ได้ยังไงนั้น มีคนเข้ามาให้ข้อมูลการสอบพนักงานราชการสามารถทำรวดเดียวได้ คือ สอบทั้งภาค ก ข และ ค แต่ละที่จัดสอบกันเองได้เพราะส่วนกลางให้อำนาจเขต ซึ่งข้อมูลนี้สอดคล้องกับที่ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขา กพฐ. เคลียร์ข้อสงสัยสด ๆ ร้อน ๆ อีกครั้ง โดยระบุระเบียบปฏิบัติการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับตำแหน่งพนักงานข้าราชการครู กำหนดให้ดำเนินการสอบภาค ก. ภาค ข. และภาค ค. ต่อเนื่องกันได้ ซึ่งในการสอบครั้งนี้มีกำหนดสอบภาค ก.และภาค ข. ในวันที่ 7 กันยายน และสอบภาค ค. ในวันที่ 8 ก.ย. และหลังสอบเสร็จจะตรวจสอบคะแนนทั้งสามภาคซึ่งต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 จึงจะผ่านเกณฑ์การคัดเลือก
เลขา กพฐ. ยังเน้นย้ำกรณีที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและความเชื่อถือสูงสุดในขณะนี้ได้ได้ส่งหลักฐานทั้งหมดให้ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานร่วมตรวจสอบด้วย และเมื่อมีข้อสรุปจากหน่วยงานต่างๆ จะแถลงข่าวชี้แจงต่อสาธารณะชน ถ้าผลการตรวจสอบพบมีความผิดก็พร้อมดำเนินตามนโยบายและบทลงโทษตามระเบียบ
ทั้งนี้ รภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เปิดเผยหลังในส่วนความเคลื่อนไหวของครูเบญหลังทราบผลตรวจคะแนนที่ตัวเองไม่ผ่าน โดยน้าของครูสาวบอกตอนนี้คงไม่ให้ครูเบญพูดหรือเดินเรื่องอะไรแล้ว เพราะน้องบอบช้ำกับการสอบและผลของของการสอบระบบนี้มากพอแล้ว
ขณะเดียวกัน ทราบว่าที่ทำงานเก่ายังไม่อนุมัติใบลาออก เท่ากับครูเบญ ยังกลับไปสอนที่เก่าได้ โดยเป็นคุณครูอัตราจ้างสอนเด็ก ป.1
แม้จากการสัมภาษณ์ล่าสุดครอบครัวของครูเบญเหมือนจะยอมและหยุดเดินหน้าเรียกร้อง หลังมีการออกมาแถลงจาากฝั่งของกระทรวงศึกษาธิการ แต่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมยังคงย้ำให้ครูเบญ ไม่ต้องกังวลใจ เนื่องจากปัจจุบัน สส. พรรคประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการการศึกษา ติตต่อมายังมูลนิธิ โดยจะเข้ามาสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ที่พร้อมจะเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลในเร็ว ๆ นี้อีกครั้ง
อย่างไรก็ดีทางเพจมูลนิธิทวงคืนความยุติธรรมยังเปิดเผยเคสใหม่ซึ่งปรากฏว่า ตรวจพบความผิดพลาดในการตรวจข้อสอบ หนนี้ผู้ร้องเรียนเป็นนักทัณฑวิทยาซึ่งข้อมูลจากรองเจมส์ ระบุ
“มาอีกแล้ว งานนี้สอบราชการ นักทัณฑวิทยา รายงานตัวเรียบร้อย ลาออกจากพนักงานราชการที่เก่าเรียบร้อย สุดท้าย ไม่มีชื่ออ้างวุฒิไม่ตรง แม้ตรวจสอบยืนยันจากมหาลัยต้นทางว่าตรงแล้ว ก็ยังไม่รับ ผมประสานไปยังท่าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม แล้ว จะพาไปพบขอความเป็นธรรมต่อไป ก่อนจะเดินเรื่องใช้สิทธิทางศาลปกครอง”.
อ่านข่าวเพิ่มเติม