คู่มือผู้ลงทุนมือใหม่ หากสนใจเป็นเจ้าของร้าน “แฟรนไชส์ไก่ย่าง 5 ดาว” ต้องเตรียมตัวอย่างไร เปิดตำราเงื่อนไขที่กำหนด จำเป็นต้องเตรียมเงินลงทุนกี่บาท กำไรคุ้มทุนไหม
ร้านไก่ย่างห้าดาว คือ แฟรนไชส์ร้านอาหารภายใต้แบรนด์ “ห้าดาว” ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในประเทศไทย โดยมีเมนูหลักคือไก่ย่างสูตรเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ปัจจุบันร้านไก่ย่างห้าดาวได้พัฒนาและปรับรูปแบบธุรกิจให้มีความหลากหลายและทันสมัย โดยการเพิ่มเมนูใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
เนื่องด้วยขณะนี้ห้าดาวเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ครองตลาดแฟรนไชส์ มีสาขารวมกว่า 5,000 แห่งในประเทศไทย และอีกกว่า 2,300 สาขาในต่างประเทศ จึงส่งผลให้นักธุรกิจหน้าใหม่ที่มีใจรักในค้าขายสนใจที่จะ ซื้อแฟรนไชส์ไก่ย่างห้าดาว แต่เริ่มต้นไม่ถูก เพราะยังไม่มีความรู้มากพอ ต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ เงื่อนไขมีอะไรบ้าง วันนี้ไทยเกอร์รวบรวมทุกคำตอบมาให้แล้ว
แฟรนไชส์ “ไก่ย่างห้าดาว” เหมาะสำหรับทุกผู้ค้าต้องการลงทุนน้อย
หนึ่งสิ่งที่แฟรนไชส์ร้านห้าดาวเป็นตัวเลือกของใครหลาย ๆ คนนั่นเป็นเพราะ “เงื่อนไข” ไม่ยุ่งยาก สามารถขายได้ทุกที่ ทุกทำเล ทั่วทุกภูมิภาค มีบริษัทซัพพอร์ต จัดการสื่อการตลาด ทั้งยังลงทุนน้อย ใช้พื้นที่กะทัดรัด คืนทุนไวเพราะเป็นแบรนด์ติดตลาดที่การันตีคุณภาพ
เปิดแฟรนไชส์ไก่ย่างห้าดาว มีทั้งหมด 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ Five Star Glass House และ Five Star Shop ซึ่งจะส่งผลให้เงื่อนไขหรือรายละเอียดการลงทุนเปิดแฟรนไชส์นั้นมีความแตกต่างกัน
Five Star Glass House
แฟรนไชส์ไก่ย่างห้าดาวขนาดเล็ก รูปแบบ Glass House ต้นทุนจะอยู่ที่ 180,000 บาท โดยร้านค้าจะต้องมีขนาดพื้นที่ 20 ตารางเมตร
Five Star Shop
รูปแบบแฟรนไชส์แบบร้านอาหาร มี 4 ขนาด ดังนี้
- ร้าน M Size ขนาดพื้นที่ 20 – 50 ตร.ม. งบลงทุนประมาณ 200,000 – 450,000 บาท
- ร้าน L Size ขนาดพื้นที่ 50 – 70 ตร.ม. งบลงทุนประมาณ 500,000 – 650,000 บาท
- ร้าน Knock Down ขนาดพื้นที่ 15 ตร.ม. งบลงทุนประมาณ 300,000 บาท
- ร้าน Food Court ขนาดพื้นที่ 9 ตร.ม. งบลงทุนประมาณ 100,000 – 150,000 บาท
เงินลงทุนแฟรนไชส์ ‘ไก่ย่างห้าดาว’
เงินลงทุนขั้นต้น (โดยประมาณ) สำหรับการเปิดแฟรนไชส์ไก่ย่างห้าดาว จะเริ่มต้นที่ราว ๆ 199,700 บาท โดยจำแนกเป็นรายการต่าง ๆ ดังนี้
- ค่าแรกเข้าและดำเนินการ จำนวนเงิน 6,000 บาท
- อุปกรณ์การขาย โดยต้องซิ้อจากบริษัท จำนวนเงิน 164,000 บาท
- เงินลงทุนสินค้าขายบิลแรกหมุนเวียน จำนวนเงิน 25,000 บาท
- อุปกรณ์ที่ลูกค้าจัดหาเอง จำนวนเงิน 4,700 บาท
นอกจากนั้นก็ยังมีค่าใช้จ่านส่วนอื่น ๆ อีก เริ่มต้นที่ประมาณ 350,000 บาทขึ้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ค่าฝึกอบรม (5 วันต่อคน) เป็นจำนวน 1,000 บาท
- งบลงทุนก่อสร้างและออกแบบ (Premium Kiosk, Glasshouse) ฟรี
- งบลงทุนก่อสร้างและออกแบบ (Size M) เป็นจำนวน 350,000 – 500,000 บาท
- งบลงทุนก่อสร้างและออกแบบ (Size L) เป็นจำนวน 600,000 – 1,000,000 บาท
ทั้งนี้ สำหรับค่าแรกเข้าแฟรนไชส์จะเก็บเพียงครั้งเดียว โดยระยะเวลาของสัญญาจะอยู่ที่ 1 ปี และหากต้องการต่อสัญญาไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม และในส่วนของ อัตราการคืนทุนจะขึ้นอยู่กับทำเลที่ขาย
คุณสมบัติผู้สมัครแฟรนไชส์
คุณสมบัติที่สำคัญของผู้สมัครมีทั้งหมด 6 ข้อสำคัญ ดังนี้
- เป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย
- มีความพร้อมด้านการลงทุน
- สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของบริษัทอย่างเคร่งครัด
- รักในการขาย และการบริการ
- มีบุคลิกภาพที่ดี และมีความพร้อมด้านบุคลากร
- จัดกิจกรรมทางการตลาดสามารถร่วมกิจกรรม ประชุม, อบรม, สัมมนา กับทางบริษัทได้
วิธีสมัครเปิดแฟรนไชส์ห้าดาว เริ่มต้นเป็นเจ้าของธุรกิจ
เมื่อแน่ใจแล้วว่าคุณสมบัติตรงตามที่แบรนด์ห้าดาวต้องการ ลำดับต่อไปคือการสมัครเป็นเจ้าของธุรกิจ ซึ่งจะมี 3 ขั้นตอนหลัก ๆ ได้แก่
1. ยื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ในขั้นตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่จำดำเนินการตรวจสอบใน 2 ปัจจัยด้วยกัน ได้แก่
- ทางบริษัทจะมีทำเลทองให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นหน้าห้าง, ปั๊มน้ำมัน แต่หากมีทำเลเป็นของตัวเอง ก็จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยวิเคราะห์ให้
- คุณสมบัติของผู้สมัคร โดยจะต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 50 ปี
2. ทำสัญญาและเข้ารับการอบรม
- ทำสัญญากับบริษัท-จ่ายค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งการทำสัญญานั้นจะต้องเตรียมเอกสารดังนี้ 1. สำเนาทะเบียนบ้าน 4 ชุด และ 2. สำเนาบัตรประชาชน 4 ชุด
- เข้าอบรมความรู้เกี่ยวกับการบริหารธุรกิจ โดยระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจที่เลือก
3. เป็นเจ้าของธุรกิจ ขั้นตอนนี้จะมีการนัดวันทำกิจกรรมเตรียมเปิดร้าน รวมถึงการเปิดธุรกิจเป็นของตนเอง
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากความโดดเด่นในเรื่องลงทุนน้อย แต่ได้กำไรมากแล้ว การซื้อแฟรนไชส์ห้าดาวยังได้รับประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการการันตีคุณภาพวัตถุดิบ และอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน CP โดยตรง, ตลอดระยะเวลาการขายจะมีทีมงานทำการตลาดคอยดูแลประสานงานให้ตลอดกิจการ, มีระบบตรวจสอบคุณภาพ, มีการจัดอบรมให้แก่ผู้ประกอบการ และประชาสัมพันธ์ และทำจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย (Promotion) อย่างต่อเนื่อง
หากมีข้อสงสัยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ fivestar หรือโทร. 028008000
ข้อมูลจาก fivestar
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง