ดับเพลิงหนุ่ม หัวใจวายเสียชีวิต หลังโดนไล่ออก เพราะองค์กรตัดงบ จัดสรรให้ผู้อพยพ
นักดับเพลิงหนุ่มชาวนิวยอร์ก เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจวาย หลังพยายามดิ้นรนหาเลี้ยงชีพอย่างหนัก เพราะถูกไล่ออกจากงาน เหตุเพราะองค์กรต้องการตัดงบจ้างพนักงาน เพื่อนำเงินไปจัดสรรให้ผู้อพยพ
สำนักข่าวต่างประเทศ nypost รายงานถึงข่าวสุดสลดที่เกิดขึ้นกับ เดเร็ค ฟลอยด์ (Derek Floyd) อดีตนักดับเพลิงหนุ่มแห่งกรมดับเพลิงนิวยอร์ก (FDNY) วัย 36 ปี ผู้เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจวาย เมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา หลังถูกปลดออกจากตำแหน่งเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนคริสต์มาส ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในผู้ถูกไล่ออก ตามแผนการลดขนาดบุคลากรของหน่วยงาน เพื่อหาเงินมาจัดสรรให้กับการดูแลผู้อพยพนับหมื่น ที่หลั่งไหลเข้ามายังมหานครนิวยอร์ก
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ‘เดเร็ค ฟลอยด์’ เป็นหนึ่งในพนักงานดับเพลิงราว 10 คนที่ทำงานภาคสนาม และเป็นผู้ที่เคยเสียสละจนได้รับบาดเจ็บหนักในขณะปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงเป็นทหารผ่านศึกที่เคยผ่านการปฏิบัติหน้าที่ในแถบตะวันออกกลางถึงสามครั้งในหน่วยนาวิกโยธิน
ก่อนหน้านี้เขาเคยประสบภาวะหัวใจวายมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2019 ในระหว่างอยู่ที่โรงเรียนฝึกนักดับเพลิง จึงเป็นเหตุให้เขาถูกย้ายมาทำงานในสำนักงานของ FDNY โดยเขาช่วยงานในตำแหน่งเสมียนของหน่วยดับเพลิง หนึ่งในหน้าที่หลักของเขาคือการช่วยจัดพิธีศพให้กับนักดับเพลิงผู้ล่วงลับ
ฟลอยด์เป็นคุณพ่อลูกสอง และก่อนที่จะถูกปลดออก เขาพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อให้ผ่านการตรวจร่างกายและสามารถกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนักดับเพลิงได้อีกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถทำสำเร็จ
ก่อนที่จะถูกปลดออก ฟลอยด์มีประกันด้านสุขภาพเพิ่มเติม สำหรับครอบครัวมูลค่ากว่า 600,000 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 22,212,900 บาท และเงินชดเชยเยียวยากรณีเสียชีวิต แต่สิ่งเหล่านี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ส่งผลให้ภรรยาและลูก ๆ ของเขาต้องดิ้นรนอย่างหนัก เนื่องจากไม่ได้รับการช่วยเหลือใด ๆ แม้ว่าสามีและพ่อของลูกจะเคยอุทิศตัวให้กับการบริการสาธารณะมาหลายปีก็ตาม
‘คริสตีน’ ภรรยาสาววัย 34 ปี ของฟลอยด์ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ไม่มีใครสมควรถูกกระทำแบบนี้ มันส่งผลต่อสภาพจิตใจเขาอย่างมากหลังจากถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามักจะทำตัวให้ดูเข้มแข็งและไม่โกรธแค้นใคร แต่เราเองก็รู้ดีว่า เขาแบกรับภาระนี้อยู่”
หลังจากถูกปลดออกจากในหน่วยกับเพลิง ฟลอยด์ได้ทำงานกับองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ช่วยเหลือทหารผ่านศึก แต่ถึงอย่างนั้นรายได้กลับลดลงไปมากเมื่อเทียบกับตอนทำงานให้ FDNY อีกทั้งสวัสดิการก็ไม่ครอบคลุม แถมยังงานหนักจนเขาแทบไม่มีเวลาดูแลลูกวัย 6 ขวบ และ 2 ขวบ
“ก่อนหน้านี้เขาเคยมีเวลาให้ครอบครัวและลูก ๆ มากกว่านี้ การเป็นนักดับเพลิงคืองานที่เขาหลงใหล เขาเป็นคุณพ่อที่เอาใจใส่และรักลูกเป็นอย่างมาก ถ้าเดเร็ค ฟลอยด์ ยังได้ทำงานประจำอยู่ เขาคงได้รับเงินประกันชีวิตจาก FDNY และนั่นก็คงช่วยบรรเทาปัญหาเรื่องเงิน ไม่ต้องมีหนี้สินมากมายอย่างในตอนนี้”
จากการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมของสำนักข่าว พบว่า การปลดฟลอยด์ออกจากตำแหน่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดขนาดงบประมาณของกรมดับเพลิงนิวยอร์ก (FDNY) ให้ลดลงถึง 74 ล้านดอลลาร์ (2,739,813,000 บาท) ภายในสิ้นปีพ.ศ. 2568 เพื่อใช้ในการจัดสรรงบประมาณให้กับผู้อพยพ
เบื้องต้นยังไม่ทราบแย่ชัดว่า เจ้าหน้าที่จะถูกปลดออกอีกจำนวนเท่าไร แต่นับเป็นปกติที่จะมีเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ทำงานประจำตำแหน่งอยู่ที่ประมาณ 800-1,000 คน
อย่างไรก็ดี นอกจากกรมดับเพลิงแล้ว ทางด้านกรมตำรวจนิวยอร์ก (NYPD) ก็ถูกตัดงบประมาณ 132 ล้านดอลลาร์ (4,886,706,000 บาท) เช่นกัน โดยได้ยกเลิกคลาสเรียนของนักเรียนตำรวจไปจำนวน 5 รุ่น ในขณะเดียวกันงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการจะถูกลดลงประมาณ 547 ล้านดอลลาร์ (20,250,213,500 บาท) และกรมอนามัยจะถูกลดลง 32 ล้านดอลลาร์ (1,184,656,000 บาท) เช่นกัน
หลังเกิดเหตุการณ์น่าเศร้านี้ขึ้น ‘Andrew Ansbro’ ประธานสมาคมนักดับเพลิงเครื่องแบบ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า การปลดพนักงานโดยเฉพาะกรณีของฟลอยด์ และผลที่ตามมาต่อครอบครัวของเขาทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างมาก
“สิ่งที่ทำให้ผมไม่พอใจที่สุดคือ FDNY กำลังขาดแคลนนักดับเพลิงอีกหลายร้อยคน การปลดฟลอยด์นั้นไม่จำเป็นเลย เขามีงานสำคัญที่ต้องทำ และ FDNY ก็ต้องการเขาในหน่วยงานนั้นจริง ๆ เขาถูกปลดออกเพื่อให้หน่วยงานได้โชว์ว่าพวกเขาสามารถลดขนาดงบประมาณได้ ฟลอยด์ควรได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่านี้”
ทั้งนี้ ภรรยาสาวคริสตีน กล่าวว่า การเห็นสามีของเธอพยายามดิ้นรนหลังออกจากงาน เพื่อหารายได้มาพอใช้จ่ายในครอบครัวเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดที่เธอต้องประสบพบเจอ
ความตอนหนึ่งของการแถลงการณ์ของ ‘Laura Kavanagh’ ผู้บัญชาการหน่วยดับเพลิง ได้กล่าวว่า “เรารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของอดีตนักดับเพลิงฝึกหัด เดเร็ค ฟลอยด์ และเรากำลังพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ ทั้งด้านการเงิน กฎหมาย และสภานิติบัญญัติ เพื่อให้ความช่วยเหลือกับครอบครัวของเขา และทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เตือนสายเที่ยว ‘ช็อกโกแลตเสพติด’ ระบาดหนัก ย่านอิแทวอน กินแล้วอาจถูกลักพาตัว
- แม่เล่าความหลัง ตอนสาว ๆ สวยมาก ผู้ชายต่อคิวจีบ ลูกไม่เชื่อจนได้เห็นภาพยืนยัน
- จีนปิ๊งเมนูใหม่ ‘ชานมต้นหอม’ เปลี่ยนเม็ดไข่มุก ให้กลายเป็นผัก บุกตลาดสายคลีน