ตายพุ่ง 60 ก่อการร้าย กลางกรุง ‘มอสโก’ กลุ่ม IS อ้างตัวอยู่เบื้องหลัง
สรุปเหตุการณ์ก่อการร้ายในรัสเซีย อัปเดตล่าสุด เวล่ 08.32 น. วันที่ 23 มีนาคม 67
- หน่วยข่าวกรองรัสเซียยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 ราย หลังกลุ่มมือปืนบุกโจมตีคอนเสิร์ตฮอลล์ในมอสโกที่เต็มไปด้วยผู้คน
- เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ Crocus City Hall โดยหน่วย FSB (หน่วยรักษาความปลอดภัยกลางรัสเซีย) ระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 ราย
- กลุ่มไอเอส (ISIS) ออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีนี้ แต่รัสเซียยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
- มีคลิปวิดีโอเผยให้เห็นเหตุการณ์ความวุ่นวายระหว่างที่ผู้ชมคอนเสิร์ตพากันหาที่กำบัง เสียงปืนและระเบิดดังอย่างชัดเจน
- เกิดไฟไหม้ขนาดใหญ่บริเวณหลังคาของอาคาร หน่วยพิเศษของรัสเซียกำลังค้นหาตัวมือปืนที่ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร
- ทำเนียบขาวระบุว่ากำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ ส่วนทางยูเครนได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้
กราดยิงกลางงานคอนเสิร์ต ในกรุงมอสโก
หน่วยรักษาความปลอดภัยกลางของรัสเซียประกาศว่ามีผู้เสียชีวิต 60 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 100 คนในเหตุการณ์โจมตีคอนเสิร์ตฮอลล์ในกรุงมอสโกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
กลุ่มมือปืนในชุดเกราะบุกเข้าไปใน Crocus City Hall คอนเสิร์ตฮอลล์ขนาดใหญ่ทางตะวันตกของกรุงมอสโกและกราดยิงปืนกลใส่กลุ่มผู้ชมคอนเสิร์ต
หน่วยงานสอบสวนระดับสูงของรัสเซียกำลังดำเนินการสืบสวนคดีนี้ในฐานะการก่อการร้าย สำนักข่าวบางแห่งรายงานว่ากลุ่มไอเอส (ISIS) อ้างตัวว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ แต่ยังไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน
มาเรีย ซาคาโรว่า โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ประณามเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “การก่อการร้ายนองเลือด”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ชนะการเลือกตั้งอย่างถลทลาย ซึ่งถูกมองว่ามีการจัดฉาก
สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ รายงานว่ากลุ่มชายฉกรรจ์เริ่มก่อเหตุยิงปืนทั้งบริเวณทางเข้าและภายในคอนเสิร์ตฮอลล์ที่เนืองแน่นไปด้วยผู้ชมคอนเสิร์ตของวงร็อก “Picnic” มีคลิปบันทึกโดยผู้เห็นเหตุการณ์ที่ได้ยินเสียงปืนกลชัดเจน
สมาชิกวงดนตรียังปลอดภัยเนื่องจากอยู่ในห้องแต่งตัวเตรียมตัวขึ้นการแสดงในช่วงที่เกิดเหตุ
มีรายงานว่าผู้ก่อเหตุใช้ระเบิดด้วย ทำให้ไฟลุกไหม้ครั้งใหญ่ภายในอาคารคอนเสิร์ต คลิปจากโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งออกมา
ตำรวจปราบจลาจลและเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินถูกส่งเข้าพื้นที่เพื่ออพยพประชาชน มีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขึ้นที่สนามบินและสถานีรถไฟในกรุงมอสโก
หลังการโจมตี เซอร์เก โซเบียนิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโกได้ประกาศยกเลิกกิจกรรมสาธารณะทั้งหมดที่มีกำหนดในเมืองช่วงสุดสัปดาห์นี้
ผู้นำเบลารุสอย่าง อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ส่งสารถึงปูตินประณามการ “ฆาตกรรมโหดเหี้ยมต่อผู้บริสุทธิ์” ซึ่งเป็นความรู้สึกเดียวกับประธานาธิบดีคาซัคสถานอย่าง โตกาเยฟ ที่เสนอให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่รัสเซีย
ยูเครนปฏิเสธไม่ได้อยู่เบื้องหลัง
ทำเนียบขาวกล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียและครอบครัว โดยไม่กี่วันก่อนหน้านั้น สหรัฐฯ ได้ออกประกาศเตือนถึงความเป็นไปได้ในการก่อการร้ายในกรุงมอสโก
ฮริสโต โกรเซฟ นักข่าวสืบสวนจากเว็บไซต์ Bellingcat กล่าวหลังเกิดเหตุว่าวอชิงตันเคยระบุว่าการโจมตีเตรียมการโดย ISIS-K กลุ่มติดอาวุธในอัฟกานิสถาน
ทางฝั่งยูเครนปฏิเสธเกี่ยวข้องโดยมิไคโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครนทวีตว่า: “ยูเครนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกราดยิงหรือระเบิดที่ Crocus City Hall แน่นอน…ไม่มีเหตุผลอะไรเลย” “ทุกอย่างในสงครามนี้จะตัดสินในสนามรบเท่านั้น…การก่อการร้ายไม่ช่วยแก้ปัญหาใดๆ” เขากล่าวเสริม
สหรัฐเผย กลุ่มก่อการร้าย IS อยู่เบื้องหลัง
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ออกมายืนยันอย่างรวดเร็วว่าอเมริกามีข้อมูลข่าวกรองที่สนับสนุนคำกล่าวอ้างของกลุ่มไอเอส (IS) ที่รับผิดชอบการโจมตีในมอสโก
สำนักข่าว CBS ได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ทราบเรื่องข้อมูลข่าวกรองดังกล่าว โดยระบุว่ามีการส่งข้อมูลมาต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เกี่ยวกับแผนการของ IS ที่ต้องการโจมตีรัสเซีย
อเมริกาได้ส่งข้อมูลเฉพาะเจาะจงบางส่วนให้กับรัฐบาลรัสเซีย แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและมอสโกจะไม่ราบรื่น
แม้ยังไม่มีการยืนยัน แต่เป็นไปได้สูงว่าข้อมูลเหล่านี้ คือที่มาของคำเตือนจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ที่บอกให้ชาวอเมริกันในมอสโกหลีกเลี่ยงการชุมนุมขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนเสิร์ต
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เคยระบุว่ากำลังติดตามรายงานข่าวที่ว่า กลุ่มหัวรุนแรงมีแผนโจมตีฝูงชนจำนวนมาก แต่ตอนนั้นไม่ได้ระบุชัดเจนว่าหมายถึงกลุ่มใด
กลุ่ม IS ออกมาอ้างตัวว่าอยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายในรัสเซีย
กลุ่มไอเอส (IS) ออกแถลงการณ์ผ่านช่องทางของตัวเองว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตี แม้จะยังไม่สามารถยืนยันได้เต็มร้อย (เพราะบางครั้งกลุ่มเคยอ้างเหตุการณ์ที่ไม่ได้ลงมือด้วย) แต่เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ ระบุว่ามีข้อมูลหน่วยข่าวกรองที่ยืนยันว่า IS เป็นผู้อยู่เบื้องหลังจริง
รูปแบบการโจมตีด้วยมือปืนสังหารพลเรือนแบบนี้เป็นวิธีที่ IS ถนัด มีความคล้ายกับเหตุโจมตีคอนเสิร์ตที่กรุงปารีสเมื่อปี 2015
ประเด็นว่า ‘ใครก่อเหตุ’ อ่อนไหวมากในสถานการณ์โลกตอนนี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนและพันธมิตรกังวลว่ารัสเซีย (มอสโก) จะโยนความผิดมาใส่พวกเขา
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่สหรัฐฯ เคยออกประกาศเตือนเมื่อวันที่ 7 มีนาคมว่า ‘กลุ่มหัวรุนแรง’ อาจโจมตีคอนเสิร์ต ซึ่งคำเตือนนี้ (ที่น่าจะมาจากข้อมูลข่าวกรอง) ดูเหมือนจะถูกทางการรัสเซียมองข้าม
และแม้ว่าทุกครั้งที่มีการก่อการร้ายจะมีคำถามว่า ใครอยู่เบื้องหลัง และสามารถป้องกันได้หรือไม่ แต่ครั้งนี้รัสเซียอาจจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักให้แสดงจุดยืนและการตอบโต้
หากมีความคืบหน้า Thaiger จะรายงานให้ทราบต่อไป