สปอติฟาย ประกาศเตรียมปลดพนักงานรอบที่ 3 ของปี ราว 1,500 คน อ้างปัญหาเศรษฐกิจ ต้องการปรับกลยุทธ์ใหม่ พร้อมจ่ายเงินชดเชยให้พนักงาน 5 เดือน
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเป็นปัญหาระดับนานาชาติ วันอังคารที่ 5 ธันวาคม 2566 เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ CNN รายงานว่า สปอติฟาย (Spotify) บริษัทแอปพลิเคชันสตรีมมิงเพลงชื่อดัง ประกาศเตรียมเลิกจ้างพนักงานราว 1,500 คน คิดเป็น 17% ของพนักงานทั้งหมด เพื่อลดต้นทุน ซึ่งเป็นการปลดพนักงานรอบที่ 3 ของปีนี้
สปอติฟายมีพนักงานมากกว่า 9,000 คน และเลิกจ้างพนักงานมากกว่า 500 คนในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง รวมถึง Microsoft (MSFT) และ Amazon (AMZN) ที่ประกาศปลดพนักงาน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ในเดือนมิถุนายน สปอติฟายได้ปลดพนักงานเพิ่มอีก 200 คนออกจากแผนกพอดแคสต์ ภายหลังที่บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากผู้คนนิยมใช้สื่อโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้น ทั้งการซื้อของออนไลน์ การประชุมผ่านวิดีโอ
หลังจากนั้น อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค บีบอุปทานของหนี้และเงินทุน ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้น เป็นเหตุให้ต้องประกาศเลิกจ้างพนักงานในที่สุด
ด้านนายแดเนียล เอ็ก (Daniel Ek) ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของสปอติฟายระบุว่า สปอติฟายเติบโตมากในช่วงปีที่ผ่านมา ในฐานะของการเป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี
แม้จะเพิ่มสมาชิก 6 ล้านรายในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ซึ่งมากกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ 2 ล้านราย แต่บริษัทก็ทำกำไรได้เพียง 34.8 ล้านดอลลาร์ หรือราว 227 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการขาดทุนกว่า 248 ล้านดอลลาร์ หรือราว 8,700 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นายแดเนียล เอ็กระบุด้วยว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างมาก อีกทั้งเงินทุนยังเพิ่มสูงขึ้น สปอติฟายจึงทำการเปลี่ยนแปลง และมุ่งหวังที่จะทำให้บริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการพาบริษัทกลับไปสู่จุดเริ่มต้น หลังจากการจ้างงานมากเกินไป แต่กลับไม่ได้สร้างผลกำไรอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับการปรับลดพนักงานในปี 2568 เอ็กบอกว่า เมื่อดูจากช่องว่างระหว่างต้นทุนกับเป้าหมายที่วางไว้ สปอติฟายตัดสินใจดำเนินการปรับขนาดต้นทุนให้เหมาะสม เพราะเกรงว่าคนฉลาด มีความสามารถ และทำงานอย่างหนักจะลาออกไป
อย่างไรก็ตาม สปอติฟายจะดำเนินการต่ออย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล การปลดพนักงานคือการปรับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อให้เข้ากับวิธีการทำงานในแบบของบริษัท ส่วนพนักงานที่ได้รับผลกระทบ จะได้รับเงินชดเชยโดยเฉลี่ยประมาณ 5 เดือน
อ้างอิง : CNN
