ไลฟ์สไตล์

ประวัติ “แมรี โวลล์สโตนคราฟต์” ผู้หญิงที่ “เชย์นิส ปาลาซิโอส” เลือกเป็นใน MU 2023

เปิดประวัติ แมรี โวลล์สโตนคราฟต์ ผู้หญิงที่กล้าต่อสู้กับอำนาจชายเป็นใหญ่ ต้นแบบแนวคิดเฟมินิสต์ที่ต้องการให้สตรีมีที่ยืนในสังคม

การประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2023 (Miss Universe 2023) นอกจากการเดินอวดโฉมด้วยชุดต่าง ๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของการประกวดคือการตอบคำถาม โดยในรอบ 3 คนสุดท้าย สาวงามผู้เข้าประกวดได้รับคำถามว่า “ถ้าคุณสามารถใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงอีกคนได้ 1 ปี คุณจะเลือกใคร” โดย เชย์นิส ปาลาซิโอส สาวงามจากนิการากัวเลือก แมรี โวลล์สโตนคราฟต์ แฟนนางงามหลายท่านอาจสงสัยว่าเธอผู้นี้คือใคร ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักเธอคนนี้กัน

Advertisements

ชวนรู้จัก แมรี โวลล์สโตนคราฟต์ ต้นแบบแนวคิดเฟมินิสต์

แมรี โวลล์สโตนคราฟต์ (Mary Wollstonecraft) เกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1759 เธอเป็นนักคิด นักเขียน และนักปรัชญาหญิง เธอมีความกล้าที่จะวิพากษ์อคติทางเพศในทฤษฎีประชาธิปไตยกระแสหลักตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 ผ่านหนังสือที่เธอเขียนขึ้น

ด้านชีวิตส่วนตัว แมรีเป็นลูกคนที่ 2 จากพี่น้องจำนวน 7 คน ฐานะครอบครัวของเธอถือว่าค่อนข้างดี ไม่ขัดสนหรือขาดแคลนสิ่งใด แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดจากการที่พ่อของแมรีลงทุนพลาด ทำให้เกิดผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของครอบครัว และกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อเริ่มลงไม้ลงมือกับแม่

แม้จะเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ แต่แมรีเลือกที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องโดยการปกป้องแม่ เพื่อไม่ให้ถูกพ่อทำร้าย นอกจากนี้เธอยังเคยปกป้องน้องสาวจากสามีที่มักใช้ความรุนแรง โดยการพาน้องสาวและลูกหลบหนีอีกด้วย

แมรี

ตั้งแต่เด็กจนโต แมรีเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่เป็นธรรมด้วยความกล้าหาญ ทั้งยังท้าทายบรรทัดฐานสังคมที่ว่า ผู้ชายต้องเป็นใหญ่กว่าผู้หญิง โดยเลือกที่จะต่อสู้กับผู้ชายที่ทำร้ายเธอและครอบครัว เรียกได้ว่า แมรีคือต้นแบบของแนวคิดเฟมินิสต์เลยก็ว่าได้

Advertisements

อย่างไรก็ตาม ความคิดที่จะท้าทายอำนาจของแมรีไม่ได้ถูกขีดไว้แค่คนในครอบครัวเท่านั้น เพราะแมรีเคยเปิดโรงเรียนสอนหนังสือเด็กผู้หญิง แต่หลังจากนั้นเธอก็ตัดสินใจเป็นนักเขียน ทำให้แนวคิดของเธอเผยแพร่สู่สาธารณะมากขึ้น และแม้ว่าในยุคนั้นผู้คนจะมองว่านักเขียนไม่เหมาะที่จะนำมาเป็นอาชีพหาเลี้ยงตัวเอง แต่เธอก็ยังเลือกที่จะทำต่อไป

แมรีเริ่มเขียนงาน พร้อม ๆ กับการเรียนภาษาฝรั่งเศสและเยอรมัน เพื่อแปลงานเขียน โดยงานเขียนที่มีชื่อเสียงของเธอคือ Vindication of the Rights of Men หรือ การปกป้องสิทธิสตรี ซึ่งถูกตีพิมพ์ใน ค.ศ. 1792 เธอเขียนหนังสือนี้ขึ้นมา เพื่อโจมตีแนวคิดของสภาฝรั่งเศส เนื่องจากพวกเขามองว่าผู้หญิงต้องทำงานในบ้านเท่านั้น

งานเขียนเรื่องอื่น ๆ ของแมรี่ส่วนใหญ่ จะเน้นไปที่การศึกษา โดยเฉพาะการศึกษาของผู้หญิง เนื่องจากเธอมีแนวคิดว่า การศึกษาจะช่วยให้ผู้หญิงเป็นแม่และภรรยาที่ดี นอกจากนี้หนังสือของเธอยังสอนเด็ก ๆ ให้รู้จักจรรยาบรรณและรู้จักเหตุผลอีกด้วย

แมรีเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ชื่นชนแนวคิดของรุสโซ (Jean-Jacques Rousseau) นักคิดแห่งยุค แต่เธอกลับไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าด้วยบทบาทของสตรี รวมถึงแนวคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงของรุสโซ เนื่องจากเธอมองว่า หลักการความเท่าเทียมและเสรีภาพของปัจเจกบุคคลนั้น ไม่ครอบคลุมสตรีในสังคมเลย

นอกจากนี้ แมรียังมองว่า การที่สตรีไม่สามารถดึงความสามารถออกมาได้นั้น มีสาเหตุมาจากการศึกษาและสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับศักยภาพที่เป็นทุนเดิมของผู้หญิงแต่อย่างใด เพราะสังคมขีดไว้ว่าผู้หญิงต้องอยู่ในบ้าน ทำกิจวัตรในครัวเรือน ไม่สามารถออกนอกบ้านไปทำงานเหมือนผู้ชายได้

แมรีจึงเสนอแนวคิดขึ้นมาว่า การที่สถานภาพของผู้หญิงถูกจำกัดแบบนี้ หากในอนาคตเราต้องการเปลี่ยนแปลง และเป็นอิสระจากผู้กดขี่ เราต้องท้าทายอำนาจของสามีด้วย ไม่ใช่แค่อำนาจของกษัตริย์เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แม้แนวคิดแบบประชาธิปไตย ที่พยายามขจัดอคติทางเพศของแมรียังมีข้อจำกัด และผู้คนในสมัยนั้นยังไม่ยอมรับแนวคิดสตรีในวงกว้างมากนัก อีกทั้งชื่อเสียงของเธอยังถูกทำลาย เนื่องจากเธอเขียนชีวประวัติของสามี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดขนบ แต่ในปัจจุบันแนวคิดของเธอถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แม้กระทั่งสาวงามผู้ครองตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส 2023 ยังอยากเป็นตัวเธอนั่นเอง

แมรี โวลล์สโตนคราฟต์ ประวัติ
ภาพจากเว็บไซต์ : columbia

อ้างอิง : Bookscape

Kamonlak

นักเขียนข่าวประจำ Thaiger ผู้มีความสนใจที่หลากหลาย มีประสบการณ์เชี่ยวชาญเขียนข่าวการเงิน เศรษฐกิจ จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ งานอดิเรก ติดตามข่าวสารความบันเทิง โดยเฉพาะภาพยนตร์และแอนิเมชัน เขียนงานโดยมีแนวคิดที่ต้องการถ่ายทอดมุมมองของตัวเองและถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ช่องทางติดต่อ kamonlak@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button