‘บิ๊กเต่า’ ย้ายตำรวจ 42 นาย เอี่ยวสติ๊กเกอร์ทางหลวง งงปม ‘ของกลาง’ หาย
บิ๊กเต่า เซ็นย้ายตำรวจ 42 นาย เอี่ยวสติ๊กเกอร์ทางหลวง รับสับสนที่ ‘อัจฉริยะ’ พูดว่าของกลางหาย สั่ง สรรพสามิต สอบสวนเพิ่มเติมแล้ว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. กล่าวถึงความคืบหน้าการลงนามคำสั่งโยกย้ายข้าราชการตำรวจทางหลวง ที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก ว่า คณะทำงานได้รวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้ บก.ทล. ดำเนินการในขั้นตอนต่อไปแล้ว
หลังจากลงนามในคำสั่งเสร็จภายในวันนี้ โดยเป็นข้าราชการตำรวจยศตั้งแต่ รอง ผกก. ลงไปจนถึงชั้นประทวน รวมแล้ว 42 นาย ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่ ศปก.บก.ทล. ก่อน โดยยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า เป็นตำรวจจากท้องที่ใดบ้าง ส่วนจะมีตำรวจยศสูงกว่านี้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เชื่อว่ามี แต่เป็นของหน่วยงานอื่น ซึ่งคณะทำงานของ ปปป. จะทยอยสืบสวนขยายผลต่อไป
“คนไหนมีพยานหลักฐานก็ดำเนินการไป คนไหนถูกพาดพิง แต่ผู้ประกอบการยังไม่กล้าให้การเป็นลายลักษณ์อักษรก็ว่าไป แต่ตำรวจจะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น และจะมีคำสั่งออกมาอีกเรื่อยๆ รวมถึงจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือถูกพาดพิงเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกแน่นอน” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานมายื่นให้เพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับขบวนการรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนและส่วยสติกเกอร์ นั้น ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. กล่าวว่า ได้มอบหมายให้คณะทำงาน ปปป. ดูแลแทน ตนมีหน้าที่ดูแลคดีตำรวจทางหลวง จึงดำเนินการแยกกันคนละส่วน แต่ยังมีการประสานข้อมูลกันตลอด โดย ปปป. เป็นหน่วยงานหลักในการสืบสวนขยายผล ซึ่ง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช. มีคำสั่งให้ใช้กำลังตำรวจสอบสวนกลางอย่างเต็มในการคลี่คลายสถานการณ์ และสร้าง บก.ทล. ให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน
“กรณีรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนที่นายอัจฉริยะบอกว่าหายไปนั้น ตอนนี้ผมยังสับสน และยังไม่มีความชัดเจนว่ารถของกลางอยู่ที่หน่วยงานใด แต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังพูดไม่ตรงกันและยังไม่มีความชัดเจน จึงยังไม่อยากด่วนสรุปตอนนี้ แต่ได้ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนร่วมกับกรมสรรพสามิต และประสานข้อมูลกันให้มีความชัดเจนก่อน และขอให้ทุกฝ่ายอย่ากังวล ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมาย” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
เอาแล้ว เปิด 46 รายชื่อ เจ้าของส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก ถึงมือวิโรจน์