เปิดพฤติการณ์ 6 ตำรวจรีดเงินดาราไต้หวัน ข่มขู่จนนักท่องเที่ยวกลัว
เปิดพฤติการณ์ 6 ตำรวจรีดเงินดาราไต้หวัน 27,000 บาท ข่มขู่จนนักท่องเที่ยวกลัว ด้านศาลอนุมัติฝากขัง กลัวหลบหนีคดี
ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง คณะพนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง นําตำรวจ สน.ห้วยขวาง 6 นาย ที่ถูกกล่าวหาว่ารีดเงินดาราไต้หวัน ส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเพื่อขอให้ศาลออกหมายขังและฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ตามคำร้อง โดยทางศาลสรุปพฤติการณ์ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ไว้ว่า
เมื่อวันที่ 5 ม.ค.เวลา 00.01 น. เจ้าพนักงานตำรวจทั้ง 6 นายที่ถูกกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านอยู่บริเวณถนนรัชดาภิเษก หน้าสถานทูตจีนประจำประเทศไทย แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.27 น. มีนายเป จึง ชือ หรือ สกาย สัญชาติสิงคโปร์ กับพวกรวม 4 คน เป็นชาย 3คน หญิง 1 คน โดยสารรถยนต์มาสด้าสีแดง มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้ต้องหากับพวกตั้งด่านอยู่ มีสิบตำรวจเอก ล. ผู้ต้องหาที่ 5 เป็นผู้คัดรถยนต์เข้ามาให้สิบตำรวจเอก ว. ผู้ต้องหาที่ 6 ตรวจค้นบุคคลในรถ
ผู้ต้องหาทั้ง 6 เชิญ นายเป จึง ซือ ลงจากรถเพื่อค้นตัว สิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้ค้นตัว ส่วนเพื่อนของ นายเป จึง ชือ อีก 2 คน ถูกกลุ่มผู้ต้องหาค้นตัว การตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 3 อัน สิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 กับร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่ 2 พูดคุยสอบถาม เพื่อขอดูหนังสือเดินทางและวีซ่าจาก นายเป จิง ชือ กับพวก
ขณะนั้นนายเป จึง ชือ กับพวก ไม่ได้พกหนังสือเดินทางติดตัวมาด้วย มีเพียงภาพถ่ายหนังสือเดินทางในโทรศัพท์มือถือ สิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 กับร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหา ที่ 2 พยายามพูดจาข่มขู่ นายเป จิง ชือ กับพวก ว่ากระทำความผิดโดยครอบครองบุหรี่ไฟฟ้ากับไม่พก หนังสือเดินทางพร้อมวีซ่า อ้างว่าจะพาไปสถานีตำรวจทั้งที่ไม่มีเจตนาที่จะพาไปจริงกลับข่มขู่ให้ นายเป จิง ชือ กับพวก เกิดความกลัว จนกระทั่งสิบตำรวจเอก น.ผู้ต้องหาที่ 3 กับร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่ 2 ปรึกษาและตกลงกันเรียกเงินจากนายเป จึง ชือ กับพวก เป็นเงิน 27,000 บาท
แบ่งเป็น ค่าที่พกบุหรี่ไฟฟ้าอันละ 6,000 บาท ทั้งหมด 3 อัน และค่าไม่พกหนังสือเดินทางอีก 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 27,000 บาท นายเป จึง ชือ ยืนยันว่า ตนกับพวกไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะบุหรี่ไฟฟ้าที่ตนกับพวกซื้อจากร้านที่วางขายของย่านห้วยขวางไม่ผิดกฎหมาย แต่ด้วยความกลัวและเกรงว่าจะเสียเวลานายเป จึง ชือ และ น.ส.ชาลีน อัน หรือ อันยู๋ชิง ชาวไต้หวันจะเดินทางกลับต่างประเทศในคืนวันเกิดเหตุ
จึงจำยอมจ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับสิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้รับเงินใส่ ในกระเป๋าเสื้อนอกนายเป จึง ชือ กับพวก ถามสิบตำรวจเอก ป.ว่าตนกลับได้หรือไม่ สิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 บอกว่า ต้องสอบถามร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่ 2 ก่อน ผู้ต้องหาที่ 3และผู้ต้องหาที่ 2 เดินมายังนายเป จึง ชื่อ กับพวก พร้อมยื่นบุหรี่ไฟฟ้าที่ยึดไว้ในตอนแรกให้นายเป จึง ชือ กับพวก ถือไว้คนละอัน
โดยร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นผู้สั่งให้สิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 ใช้ไฟฉายส่องขณะสิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 ถ่ายรูปเพื่อให้แสงสว่างในการถ่าย จากนั้นร้อยตำรวจเอก ป. ผู้ต้องหาที่ 2 ขออนุญาตให้นายเป จิง ชือ กับพวกกลับไปได้ ภายหลังสิบตำรวจเอก น. ผู้ต้องหาที่ 3 น้ำเงิน 27,000 บาท ที่ได้รับจากนายเป จึง ชือ มอบให้กับร้อยตำรวจเอก ย. ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็น หัวหน้าชุดที่นั่งในรถที่จอดไว้บริเวณที่เกิดเหตุรับเงินจำนวนดังกล่าวแล้วนำไปแบ่งในกลุ่มผู้ต้องหาด้วยกัน
ผู้ต้องหาทั้ง 6 เข้าพบคณะพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 คณะพนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 6 ซึ่งปรากฏต่อหน้าพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 ว่ากระทําความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับหรือ ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือ ไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงาน ร่วมปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมายเมื่อวันที่ 2 ก.พ. เวลา 10.30 น.
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิจารณาคำร้องขอฝากขังแล้ว อนุญาต ให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งหกได้ มีกำหนด 12 วัน เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีภายหลัง อีกทั้งผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจอาจ ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและกระบวนการในชั้นสอบสวนอีกด้วย