ทนายเดชา ร้อง เสรีพิศุทธ์ สอบจริยธรรม เต้-มงคลกิตติ์
ทนายเดชา ล่าสุด เข้ายื่นหนังสือ เสรีพิศุทธ์ สอบ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง ปมโทรขู่ สั่งหยุดวิจารณ์คดีแตงโม นิดา
นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา อดีตทนายความแม่แตงโม เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร เพื่อร้องให้สอบจริยธรรมร้ายแรงกับ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย์ หลังมีพฤติกรรมข่มขู่ตนและเพื่อนทนาย ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง
ทนายเดชา กล่าวว่า จากกรณีที่ นายมงคลกิตติ์ โทรศัพท์ข่มขู่ตนเองและเพื่อนทนาย ว่าหากไม่หยุดวิภาควิจารณ์ถึงคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา จะถูกกระทืบ
ทนายเดชา ยังกล่าวด้วยว่า พฤติกรรมของนายมงคลกิตติ์ เป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม บุคคลแบบนี้เรียกว่า ส.ส.มาเฟีย ดังนั้นจึงไม่มีความเหมาะสมที่จะทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยอดีตทนายของแม่แตงโม ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ นายมงคลกิตต์ ที่ยืนกรานว่าจะไม่หยุดเคลื่อนไหวคดีแตงโม พ้นจากความเป็น ส.ส. และคนที่จะจัดการนายมงคลกิตติ์ได้ นายเดชา เชื่อว่ามีเพียงคนเดียว คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
ด้าน พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงการเข้นมายื่นหนังสือของ ทนายเดชาวันนี้ ว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนน่าจะทราบว่าพฤติกรรมของนายมงคลกิตติ์ พูดจาข่มขู่ทนายเดชา ทั้งทำร้ายและเอาชีวิต รวมถึงฟ้องคดี เหมือนกับทนายเดชาไม่มีความรู้ วันนี้ถือว่านายเดชาบุกถ้ำ เดี๋ยวตนจะพาไปหานายมงคลกิตติ์ ซึ่งวันนี้ได้นำกรรมาธิการ 5 คนมาร่วมรับฟังปัญหาด้วย
ดังนั้น ก็จะช่วยให้ความเป็นธรรมกับทนายเดชา ทั้งในกรณีที่ของนายมงคลกิตติ์ ผิดจริยธรรม และผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 ที่ระบุว่าผู้ใดข่มขู่ประทุษร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน มีโทษจำคุก 3 ปี และมาตรา 209 ผู้ใดกระทำการเป็นอั้งยี่ซ่องโจร มีโทษจำคุก 7 ปี แต่มาตราที่สำคัญคือมาตรา 157 ในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ดังนั้น พฤติกรรมต่างๆ ของนายมงคลกิตติ์ผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญและผิดจริยธรรม ดังนั้นจนจะรีบสอบสวนและส่งไปยังป.ป.ช.เพื่อให้ส่งศาลฎีกาเพื่อดำเนินการความผิดทั้งอาญาและจริยธรรม
ตนในฐานะส.ส ด้วยต้องขอโทษทนายเดชา แต่ยืนยันว่าส.สไม่ได้เป็นเช่นนี้กันทุกคน ถ้าหากส.ส.มีการกระทำผิดกฎหมายตนก็ไม่ละเว้น