ครม. ไฟเขียว งบกลาง 65 2.1 พันล้านบาท ซ่อมถนนพังจากน้ำท่วม
คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำการอนุมัติ งบกลาง 65 ภายในวงเงิน 2,125 ล้านบาท โดยใช้งานในฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วม 17 จังหวัด – ถนน และเส้นทางหลวง
งบกลาง 65 – วันที่ 4 มกราคม 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 2,125.56 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยจำนวน 17 จังหวัด แบ่งเป็นในส่วนของกรมทางหลวงจำนวน 1,649.12 ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท จำนวน 476.44 ล้านบาท
โดยกระทรวงคมนาคมรายงานว่า ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม-12 ตุลาคม 2564 ได้เกิดอุทกภัยจากมรสุมที่พาดผ่านทั่วทุกภาคของประเทศไทย ทำให้ทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงชนบทได้รับความเสียหาย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทาง ส่งผลกระทบต่อการคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ ซึ่งทางกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและซ่อมแซมเส้นทางเพื่อให้การจราจรผ่านได้ในระยะเร่งด่วนแล้วจำนวน 663 รายการ ครอบคลุมพื้นที่ 31 จังหวัด วงเงินรวม 7,987.83 ล้านบาท
สำหรับงานบูรณะทางหลวงแผ่นดินและโครงสร้างพื้นฐานของกรมทางหลวงภายใต้งบกลางฯที่เสนอครั้งนี้ ครอบคลุมพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่
– ภาคเหนือ 3 จังหวัด คือ เชียงราย, เชียงใหม่ และลำปาง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัดคือ ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา และกาฬสินธุ์
ภาคกลาง 6 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร, นครสวรรค์, พระนครศรีอยุธยา,เพชรบูรณ์,ลพบุรี และสุโขทัย
ภาคตะวันตก 2 จังหวัดคือ กาญจนบุรีและตาก
ซึ่งเป็นงานซ่อมแซมบูรณะ เช่น งานก่อสร้างและซ่อมสะพาน งานแก้ไขและป้องกันดินสไลด์ งานฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำ รวม 69 รายการ วงเงิน 1,649.12 ล้านบาท
ส่วนงานบูรณะทางหลวงชนบทและโครงสร้างพื้นฐานของกรมทางหลวงชนบทที่เสนอครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ภาคเหนือ 2 จังหวัด คือ เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัดคือ ชัยภูมิ ภาคกลาง 3 จังหวัด คือ นครสวรรค์, กำแพงเพชร และสุโขทัย และภาคใต้ 1 จังหวัดคือ ระนอง มีงานซ่อมฟื้นฟูสภาพทาง งานซ่อมฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำ งานป้องกันการกัดเซาะโครงสร้างทางรวม 31 รายการ วงเงิน 476.44 ล้านบาท
แหล่งที่มาของข่าว : รัฐบาลไทย
สามารถติดตามข่าวเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวเศรษฐกิจ