หมอมนูญ แนะ สิงคโปร์โมเดล สู้ โควิด-19 ในไทย
หมอมนูญ แนะใช้ สิงคโปร์โมเดล ในการสู้กับการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นไทย พร้อมขอประชาชนอย่าตื่นกลัว
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พูดถึงสกานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยระบุว่าการระบาดครั้งใหม่จะหนักกว่ารอบแรกและใช้นานกว่ารอบแรกในการควบคุมการแพร่ระบาด
โดย นพ.มนูญ ได้ยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ หนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดกับโรคโควิด-19 และเป็นหนึ่งในประเทศที่เกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักในกลุ่มแรงงานจากต่างชาติ
ซึ่งข้อความของ หมอมนูญระบุว่า “การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 2 จะหนักกว่ารอบแรก และต้องใช้เวลานานกว่าเดิมในการควบคุมการระบาด คนไทยต้องร่วมมือกัน อย่าตื่นกลัวมากเกินไปรอบที่ 2 เริ่มต้นจากวันที่ 17 ธันวาคม วันที่พบหญิงไทยเจ้าของแพปลาในตลาดกลางกุ้ง มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ติดเชื้อโดยไม่มีประวัติเดินทางออกนอกประเทศ นำไปสู่การค้นพบว่า มีการระบาดแบบเงียบๆ เป็นกลุ่มก้อนในแรงงานต่างชาติชาวเมียนมาที่ทำงานในตลาด และในหอพัก จังหวัดสมุทรสาครก่อนหน้านี้เป็นเดือนแล้ว
แต่เราเพิ่งทราบภายหลังการคัดกรองเชิงรุก ตรวจหารหัสพันธุกรรม PCR พบผู้ติดเชื้อในชุมชนชาวเมียนมาที่ทำงานในตลาด หอพัก นับพันราย แรงงานชาวเมียนมาปัจจุบันในประเทศไทยมีหลายแสนคน
ปัญหาขณะนี้คือ:
1.เราไม่สามารถตรวจรหัสพันธุกรรมแรงงานชาวเมียนมาได้ทุกคน เราเพิ่งตรวจหมื่นกว่าราย
2.เราไม่ได้แยกผู้ติดเชื้อออกจากคนเมียนมาที่ยังไม่ติดเชื้อ เพิ่มโอกาสให้คนเมียนมาติดเชื้อกันเองในบ้านพัก หอพักมากขึ้น
3.เราไม่สามารถกักตัวแรงงานชาวเมียนมาทุกคนให้อยู่แต่ในบ้านพัก หอพัก ไม่ให้ออกข้างนอก 100 % ทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อให้คนไทย
การควบคุมการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ยากแน่นอน สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก ต้องใช้เงิน เวลา ความร่วมมือ และความอดทน ดูบทเรียนจากประเทศสิงคโปร์ที่ประสบผลสำเร็จในการจัดการกับการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในแรงงานต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดียและบังคลาเทศ สิงคโปร์มีแรงงานต่างชาติ 323,000 คน มีการระบาดในแรงงานต่างชาติในเดือนเมษายน ต้องใช้เวลา 4 เดือนกว่าจะควบคุมได้ เขาตรวจรหัสพันธุกรรม PCR แรงงานต่างชาติทุกคน พบแรงงานต่างชาติติดเชื้อ 54,500 ราย คิดเป็น 93% ของยอดการติดเชื้อทั้งประเทศ 58,341 ราย เขาเปลี่ยนศูนย์นิทรรศการ Expo ให้เป็นศูนย์ดูแลผู้ติดเชื้อชุมชน Community care facility สามารถแยกคนติดเชื้อ 8,000 คนออกจากคนไม่ติดเชื้อ ให้อยู่จนกว่าไม่แพร่เชื้อ แรงงานส่วนใหญ่อายุน้อย ทำงานก่อสร้าง ไม่มีอาการ หรือป่วยไม่มาก มีเพียง 2 รายที่เสียชืวิต เขาห้ามแรงงานต่างชาติออกข้างนอก ไม่ให้แพร่เชื้อให้กับคนสิงคโปร์ ล่าสุดจากการตรวจเลือดหาแอนติบอดี เขาพบว่าจริงๆแล้วแรงงานต่างชาติติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากถึง 47% คือ 152,000 คน ที่เป็นเช่นนี้ เพราะระยะแรกเขาไม่ได้แยกคนติดเชื้อออกจากคนที่ยังไม่ติดเชื้อ ปล่อยให้คนติดเชื้อกลับไปอยู่หอพักร่วมกับคนอื่น
มาตรการเร่งด่วนขณะนี้ต้องโฟกัสไปที่แรงงานต่างชาติชาวเมียนมา และคนไทยที่ติดเชื้อเชื่อมโยงกับตลาดกุ้งสมุทรสาคร คนไทยสามารถกินอาหารทะเลได้ตามปกติ เชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ติดทางอาหาร ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี ล้างมือ เว้นระยะห่างกันต่อไป จะไปร้องเพลง ไปงานศพ งานแต่งงาน เดินทางท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง ต้องใส่หน้ากากอนามัย สามารถออกกำลังกายกลางแจ้งได้ เช่น เดิน วิ่ง เล่นเทนนิส ตีกอล์ฟ และงดชุมนุมทางการเมือง”
- ปชช. สิงคโปร์ เข้าร่วม โครงการ TraceTogether 70%
- สิงคโปร์ ได้รับ วัคซีนไฟเซอร์ เป็นประเทศแรกในเอเชีย