‘เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ’ ออกแถลงจี้รัฐบาลประเด็นอุ้มหาย ‘วันเฉลิม’
‘เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ’ ออกแถลงจี้รัฐบาลประเด็นอุ้มหาย ‘วันเฉลิม’
เมื่อวานนี้ (6 มิถุนายน) กลุ่ม “เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ” หนึ่งในกลุ่มการเคลื่อนไหวทางสังคมของ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ออกแถลงการณ์ กรณีการบังคับสูญหายผู้ลี้ภัยทางการเมืองของ “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์” โดยมีใจความเรียกร้องรัฐบาลแสดงความรับผิดชอบต่อการบังคับให้สูญหาย และเยียวยาครอบครัวของเหยื่อทั้งคดีใหม่ และเก่าอย่างโปร่งใส
เนื่องด้วยเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ที่ “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์” ผู้ลี้ภัยทางการ เมืองชาวไทยถูกอุ้มหายไปจากหน้าที่พัก ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
การอุ้มหายครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ “ราคา” ที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองไทยจําต้อง จ่าย ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา มีคนไทยที่คาดว่าถูกบังคับให้สูญหายไปแล้วอย่างน้อย 86 คน ส่วนมากเป็นนักกิจกรรมทางการเมือง กลุ่มชาติพันธุ์ และประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้รัฐบาลเผด็จการทหารนี้มีผู้ถูกบังคับให้สูญหายมากขึ้นอย่างมีนัยยะสําคัญ
การบังคับสูญหายมิใช่เรื่องที่พ้นขอบเขตความรับผิดชอบของรัฐบาล หากแต่เป็นหน้าที่ของ รัฐบาลโดยตรงที่จะต้องจัดการและต่อต้านอาชญากรรมที่ร้ายแรงนี้ เพื่อรับรองเสรีภาพในการแสดงออก และปกป้องสิทธิในชีวิตและร่างกายของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ ขอยืนหยัดในจุดยืนในการต่อต้านเผด็จการและอํานาจนิยม อันนอกจากจะเป็นต้นเหตุของความรุนแรงเช่นนี้แล้ว ยังเป็นสิ่งที่ขัดขวางการตรวจสอบโดยภาคประชาสังคมอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ จึงมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ดังนี้
- 1. รัฐบาลต้องผลักดันพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับสูญหาย โดยต้องรับฟังความคิดเห็นและรับรองการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
- 2. รัฐบาลต้องสอบสวนคดีบังคับสูญหาย ทั้งคดีใหม่และคดีเก่าซึ่งไม่มีอายุความ โดยไม่ ละเลยที่จะขอความร่วมมือจากรัฐบาลต่างประเทศ รวมถึงเยียวยาครอบครัวของ เหยื่อต่อไป ทั้งหมดนี้ต้องดําเนินการอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส
กลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ ขอประณามการบังคับสูญหายและการเพิกเฉยของ รัฐบาลที่มีต่ออาชญากรรมอันอุกฉกรรจ์ดังกล่าว ต้นกล้าแห่งประชาธิปไตยต้นนี้จะไม่ยอมให้ใครมา พรากสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของเราไป ไม่ว่าการกระทํานั้นจะมาในรูปแบบใดหรือมีใครอยู่เบื้องหลังก็ตาม