แหม่มโพธิ์ดำ พูดถึง ตู้ปันสุข มีทั้งคนดีคนไม่ดี ไม่เกี่ยวรวยจน

คนบางคนแม่งนิสัยไม่ดีอยู่แล้ว พอจน ขาดแคลน หิวโหย แม่งยิ่งไปกันใหญ่เลย ความเห็นแก่ตัวพลุ่งพล่าน มีเท่าไหร่โกยหมด ไม่สนใจใครจะเดือดร้อน และเบียดเบียนใครบ้าง แบบเคสเจ้าของบ้านทำตู้ปันสุข สุดท้ายเจอคุกคาม ก่อกวน ตะโกนด่า สงสารและเห็นใจ แต่อยากให้เข้าใจจุดนี้ ว่าก่อนเปิดบ้านช่วยใคร คิดดีๆ เพราะถ้าสุดท้าย น้ำใจที่ตัวเองตั้งใจให้คนอื่น กลับมาทำให้เฟล คนเสียใจก็คือมึงเอง คิดช่วยคนไม่รู้จัก ต้องปลงไว้ล่วงหน้าเลย ว่าคนที่มึงคิดช่วย อาจเป็นโจรมาทำร้ายมึงก็ได้

ที่สำคัญ กูมองว่า การไปตั้งกล้องดูว่า บุญที่ทำมีใครมารับไปบ้าง มันลดทอนความเป็นมนุษย์ว่ะ มันทำให้คนไม่เท่ากัน เหมือนผู้ให้สูงส่งกว่า มันต่างกับคนได้ของมาแล้วโพสต์เอง ขอเองขอบคุณเองมากนะมึง แบบนั้นคือเขาเต็มใจและสมัครใจ ให้ภาพความไม่มีของเขา อยู่บนพื้นที่โซเชียล อย่างคนที่โกยของไป บ้านเค้าอาจจะมีลูกหลานอดอยากเป็นสิบก็ได้ อยู่กันสิบคนไม่มีจะแดก ต้องหยิบกี่ชิ้นถึงจะไม่โลภวะ พูดยากนะมึง บางคนอาจมีคนพิการต้องดูแลมาหยิบเองไม่ได้ ลองคิดทบทวนกันอีกทีก่อนจะช่วยและด่าแล้วกัน เหรียญมันมีสองด้านเสมอ คนเหี้ยก็มี คนเดือดร้อนจริงก็มาก เราตัดสินไม่ได้จากภาพเดียว กูรู้พวกมึงโมโห แต่ก็อยากให้ใจเย็นๆ ไม่อยากให้การทำดี จบด้วยความสิ้นหวังพังไปเพราะคนไม่น่ารักไม่กี่คน

ส่วนข่าวมิตรสหายของครูข่มขืนเด็ก ไม่มีอะไรต้องสืบ การ Victim Blaiming โทษเยาวชนว่าสมยอมเอง ครูเป็นคนดี Pedophile ชัดๆ จะมาคนดีอะไร บอกครูอบอุ่น รักครอบครัวนี่อ่านแล้วได้แต่ร้อง อหอหอหอห การมีเพศสัมพันธ์กับเยาวชน และมึงเป็นครู ผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม ไม่ว่าเด็กจะยอมหรือไม่ ไม่สำคัญเลย ไม่มีอะไรต้องปกป้องนอกจากยกนิ้วให้”