เจ้าอาวาส รับกระทืบพระลูกวัดจริง อ้างบันดาลโทสะ-หวังดีอยากให้เลิกยา

เจ้าอาวาสวัดดัง จ.สงขลา ทำหนังสือแจงปม กระทืบพระลูกวัด ยอมรับทำจริงตามข่าว อ้างบันดาลโทสะเพราะหวังดีอยากให้เลิกยาเสพติด
จากกรณีสุดฉาวที่แม่ของพระลูกวัดวัย 23 ปี เข้าร้องเรียนว่าลูกชายถูกเจ้าอาวาสวัดดังใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีสมณศักดิ์เป็นถึงพระครูปลัด ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส คาดว่าไม่พอใจที่พระลูกชายแอบเห็นมีการมั่วสุมดื่มน้ำกระท่อมกันในกุฏิเจ้าอาวาส จึงอยากขอย้ายไปจำวัดที่อื่น โดยเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุเข้าแจ้งความที่ สภ.หาดใหญ่แล้ว และพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ได้สอบปากคำ พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาแก่เจ้าอาวาส ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส และสรุปสำนวนส่งอัยการสั่งฟ้องแล้ว ซึ่งวันที่ 21 ตุลาคมนี้ ศาลนัดคุ้มครองสิทธิ
เจ้าอาวาสวัดดัง จ.สงขลา กระทืบพระลูกวัด เหตุไม่พอใจเห็นกินน้ำกระท่อม-ขอย้ายไปวัดอื่น
ล่าสุดทางฝั่งเจ้าอาวาสผู้ถูกกล่าวหา ได้ทำหนังสือชี้แจงส่งถึงเจ้าคณะตำบล เขต 1 โดยได้เล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งยังได้ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายพระลูกวัดจริง แต่เป็นการกระทำที่เกิดจากบันดาลโทสะ หวังดีอยากจะสั่งสอนให้พระลูกวัดรูปดังกล่าวเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
“โยมแม่ของพระที่ถูกทำร้ายได้มาฝากให้บวชในวัดดังกล่าว และให้ช่วยปกครองดูแล อบรม และสั่งสอน ก่อนหน้านี้พระครูปลัดได้ทราบว่า พระที่ถูกทำร้ายร่างกายผ่านการบำบัดผู้ติดสารเสพติดจากสถานบำบัดแห่งหนึ่งในสุราษฏร์ธานี จึงเมตตารับไว้ก่อน โดยหวังว่าพระที่ถูกทำร้ายจะกลับตัว กลับใจ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก
โยมแม่ได้กระชับให้พระปลัดสอดส่องดูแล สั่งสอนพระที่ถูกทำร้าย และไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก ซึ่งพระปลัดพยายามกำชับและสั่งสอนมาโดยตลอด แต่พระที่ถูกทำร้ายก็ไม่ยอมอยู่ในกุฏิของตนเอง ชอบไปอยู่กับพระกุฏิอื่น ก็มีการตักเตือนและห้ามปรามมาโดยตลอด
ต่อมาช่วงปลายเดือนเมษายน โยมแม่ได้มาแจ้งพระปลัดว่า พระที่ถูกทำร้ายมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิม และโยมแม่ได้สอบถามจากพระเพื่อน ๆ จนทราบว่าพระที่ถูกทำร้ายมีพฤติกรรมไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา ขณะที่พระที่ถูกทำร้ายกำลังปฏิบัติศาสนกิจ พระปลัดเห็นอาการผิดปกติ นั่งตาปรือ ไม่ปกติ จึงถ่ายภาพส่งให้โยมแม่ ซึ่งโยมแม่บอกว่า พระรูปดังกล่าวกลับไปเล่นยาอีกครั้ง โยมแม่จึงบอกกับพระปลัดว่าให้ดำเนินการ ถ้าไม่ดำเนินการ โยมแม่จะให้ตำรวจมาดำเนินการเอง พระปลัดจึงรับปากจดำเนินการตรวจสารเสพติด เพื่อหาความชัดเจน
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พ.ค.พระปลัดมอบหมายให้พระมหาทรงวุฒิ พร้อมด้วยพระรณชัย นายวีระชาติดำเนินการตรวจปัสสาวะ เพื่อหาสารเสพติด ปรากฏว่าผลการตรวจปัสสาวะเป็นลบ ซึ่งพระที่ถูกทำร้ายรับสารภาพ ด้วยวาจาว่าได้เล่นยาเสพติดจริง แต่เป็นระยะก่อนหน้านี้ 4-5 วัน มีการกินยาขับสารพิษทางปัสสาวะ จึงตรวจไม่พบ และวันเดียวกันช่วงเย็น พระปลัดได้เรียกพระที่ถูกทำร้ายมาพบเพื่อสอบถาม ซึ่งพระถูกทำร้ายให้การปฏิเสธ ซึ่งไม่ตรงกับการรับสารภาพด้วยวาจากับพระรณชัย
พระปลัดจึงใช้โทรศัพท์โทรหาโยมแม่ เพื่อให้พระที่ถูกทำร้ายคุยด้วย และพระปลัดบอกว่า เพื่อความชัดเจน พรุ่งนี้จะพาพระที่ถูกทำร้ายไปตรวจเลือดเพื่อหาสารเสพติดที่โรงพยาบาล ผลเลือดออกมาอย่างไรก็เป็นไปตามกฎระเบียบ ปรากฏว่าคืนนั้นประมาณ 2 ทุ่ม พระที่ถูกทำร้ายได้หลบหนีไปหาเพื่อนที่วัดอื่น ซึ่งการหลบหนีนั้นเป็นการบ่งบอกถึงความไม่บริสุทธิ์ใจในพฤติกรรมส่อแววว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจึงไม่กล้าไปตรวจเลือด
ต่อมาในวันที่ 2 พ.ค.ช่วงเย็น พระที่ถูกทำร้ายก็กลับมาแอบอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน จนกระทั่งวันที่ 4 พ.ค.พระปลัดได้ทำพิธีบวชนาคเสร็จ เตรียมไปกิจนิมนต์ต่อ ก็ได้ขึ้นมาเอาของที่บนกุฏิ ขณะเดินลงมาก็พบพระที่ถูกทำร้ายเดินเข้ามาหา พระปลัดถามว่าเป็นอย่างไร พระที่ถูกทำร้ายตอบว่า จะไปอยู่วัดอื่น
พระปลัดถามว่า วัดไหน พระที่ถูกทำร้ายตอบว่า ไม่รู้ พระปลัดจึงมีความรู้สึกผิดหวัง เสียใจว่าพระที่ถูกทำร้ายไม่น่าทำตัวไม่ดี ทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจผิดหวังในพฤติกรรมที่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
ทำให้พระปลัดเกิดบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก เพราะมีเจตนาดี อยากให้พระที่ถูกทำร้ายเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หันหน้าศึกษาธรรม แต่กลับทำให้ผิดหวัง จึงเกิดบันดาลโทสะ ทำร้ายร่างกายดังกล่าว”
เบื้องต้นคดีนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ได้ดำเนินการส่งฟ้องไปยังอัยการจังหวัดสงขลาแล้วเมื่อ 14 ก.ค. 68
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิงจาก : honekrasae
ติดตาม The Thaiger บน Google News: