สรุปดราม่า พุทธวจน วัดนาป่าพง สายพระคึกฤทธิ์ ปมขัดแย้ง ปาฏิโมกข์ 150 ข้อ

สรุปดราม่า พุทธวจนคืออะไร? รู้จักคำสอนตรงจากพระพุทธเจ้า แห่ง วัดนาป่าพง พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ดังมากเรื่อง ปาฏิโมกข์ 150 ข้อ จนเกิดมติเถรสมาคม
ช่วงนี้หลายท่านอาจเคยได้ยินคำว่า “พุทธวจน” (อ่านว่า พุด-ทะ-วะ-จะ-นะ) ผ่านสื่อต่างๆ อาจเกิดความสงสัยว่าคำนี้หมายถึงอะไร เป็นชื่อของบุคคลหรือไม่ เป็นคำสอนจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้าจริงหรือไม่ แตกต่างจากหลักธรรมคำสอนที่เราเรียนกันปัจจุบันอย่างไร
อธิบายให้เรียบง่ายที่สุด พุทธวจน คือหลักการศึกษาพระพุทธศาสนาที่มุ่งเน้นการกลับไปสู่ “ต้นทาง” ของคำสอน นั่นคือการศึกษาเฉพาะถ้อยคำที่เชื่อกันว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้โดยตรง ถูกบันทึกและรวบรวมไว้ในพระไตรปิฎก
คนเรียนธรรมสายพุทธวจน อ้างว่า หากเราต้องการเข้าใจแนวคิดของนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง วิธีที่ดีที่สุดคือการได้อ่านงานเขียนดั้งเดิมของท่านโดยตรง แทนที่จะอ่านจากหนังสือที่คนอื่นมาตีความหรือสรุปให้อีกทอดหนึ่ง ให้ความสำคัญกับพระดำรัสของพระพุทธเจ้าเป็นอันดับแรก เพื่อให้ผู้ศึกษาได้สัมผัสกับแก่นแท้ของคำสอนที่บริสุทธิ์ ไม่ผ่านการปรุงแต่งหรือตีความเพิ่มเติมจากครูบาอาจารย์ในยุคหลัง
หนึ่งความเข้าใจที่มักคลาดเคลื่อนคือ หลายคนคิดว่า “พุทธวจน” เป็นชื่อของพระภิกษุหรือบุคคลสำคัญ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พุทธวจนเป็นชื่อเรียกของหลักการหรือแนวทางในการศึกษาพระธรรมวินัย ไม่ใช่ชื่อของบุคคลแต่อย่างใด

ทำไมในไทย ‘พุทธวจน’ จึงเชื่อมโยงชื่อกับ ‘วัดนาป่าพง’
แม้ว่าพุทธวจนจะเป็นคำสอนที่มีมานานกว่า 2,500 ปี แต่ที่คำนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคมไทยปัจจุบัน เป็นเพราะการเผยแผ่ของ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล มีชื่อเดิมว่า คึกฤทธิ์ โชติวิกุล เกิดปี พ.ศ. 2506 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) รุ่นที่ 33 ในสาขาวิศวกรรมเครื่องกล จากนั้นได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านได้รับราชการทหารจนกระทั่งมียศสุดท้ายก่อนอุปสมบทคือ “พันตรี”
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ได้เข้าพิธีอุปสมบทในปี พ.ศ. 2544 แน่วแน่ศึกษาธรรมะจากพระไตรปิฎกโดยตรง ในช่วงแรกท่านได้รับฉายาว่า “ปราโมชโช” ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ฉายา “โสตฺถิผโล”
หลังจากอุปสมบทได้เพียงหนึ่งปี ในปี พ.ศ. 2545 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ได้ก่อตั้ง วัดนาป่าพง ขึ้นที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี (ข้อมูลเดิมระบุ อ.องครักษ์ จ.นครนายก ซึ่งเป็นที่ตั้งเดิมก่อนย้ายมา) มีเจตนารมณ์ให้วัดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางในการศึกษาและเผยแผ่หลักธรรมตามแนวทางพุทธวจน ทำให้วัดนาป่าพงกลายเป็นที่รู้จักในฐานะพุทธวจนธรรมสถาน และเป็นศูนย์รวมของผู้ที่ศรัทธาในแนวทางนี้
เอกลักษณ์ในแนวทางการสอนของพระอาจารย์คึกฤทธิ์คือการเน้นย้ำศึกษาถ้อยคำจากพระไตรปิฎกเพียงอย่างเดียว โดยไม่อ้างอิงคำอธิบายจากคัมภีร์ชั้นหลัง เช่น อรรถกถา หรือ ฎีกา วิธีการถ่ายทอดของท่านเรียบง่ายแต่ทรงพลัง คือการอ่านพระสูตรแล้วแปลความหมายโดยตรง พร้อมอธิบายขยายความให้เข้าใจง่าย โดยมุ่งเน้นให้ผู้ฟังเข้าใจในหลัก ศีล สมาธิ ปัญญา มากกว่าการยึดติดในพิธีกรรม ท่านยังใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการเผยแผ่ธรรมะอย่างกว้างขวางผ่านสื่อหลากหลายช่องทาง ทั้งหนังสือ ซีดี เว็บไซต์ และยูทูบ
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ยังเป็นเจ้าอาวาสวัดนาป่าพงจนถึงปัจจุบัน
มหากาพย์ ‘ปาฏิโมกข์ 150 ข้อ’ ดราม่าสั่นสะเทือนวงการสงฆ์ไทย ทำไมถึงขัดแย้งกัน
ปาฏิโมกข์ เข้าใจง่ายๆ คือ วินัยหรือศีลของพระสงฆ์ ที่จะต้องนำมาทบทวนร่วมกันทุกๆ 15 วัน (วันขึ้น 15 ค่ำ และวันแรม 14 หรือ 15 ค่ำ) เปรียบเสมือนการประชุมเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์และทบทวนข้อปฏิบัติของคณะสงฆ์
ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่จำนวนข้อของศีลที่นำมาสวดทบทวน คณะสงฆ์ไทยเถรวาท กระแสหลัก ยึดถือและปฏิบัติตามธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี คือการสวดปาฏิโมกข์ จำนวน 227 ข้อ ขณะที่วัดนาป่าพงของพระอาจารย์คึกฤทธิ์นำปาฏิโมกข์มาสวดเพียง จำนวน 150 ข้อ
ความแตกต่างเรื่องตัวเลขนี้ในทางพระวินัยถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะการทำสังฆกรรม (กิจกรรมของสงฆ์) ร่วมกันต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การปฏิบัติที่แตกต่างจึงอาจนำไปสู่ความแตกแยกได้
จุดแตกหักแรก วัดหนองป่าพงตัดขาวัดนาป่าพง (ปี 2553)
วัดนาป่าพงในอดีตเคยเป็นวัดสาขาของ วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดป่าสายปฏิบัติที่ก่อตั้งโดย หลวงปู่ชา สุภัทโท และเป็นที่เคารพอย่างสูงในวงการพระกรรมฐาน
เมื่อพระอาจารย์คึกฤทธิ์ยืนยันที่จะสวดปาฏิโมกข์ 150 ข้อต่อไป ทำให้เกิดความขัดแย้งกับแนวทางของวัดหนองป่าพง ในที่สุด เมื่อวันที่ 16-17 มิถุนายน พ.ศ. 2553 คณะสงฆ์วัดหนองป่าพงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ประกาศตัดวัดนาป่าพงออกจากการเป็นวัดสาขา อย่างเป็นทางการ พร้อมระบุว่าจะไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำของพระอาจารย์คึกฤทธิ์อีกต่อไป
เรื่องราวเงียบหายไปพักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2557 เมื่อมีประชาชนร้องเรียนไปยัง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และ มหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย
ข้อร้องเรียนหลักๆ มี 3 ประเด็น คือ สวดปาฏิโมกข์ 150 ข้อ ยืนยันปฏิบัติแตกต่างจากคณะสงฆ์ไทย, สอนว่าพระไตรปิฎกเชื่อได้แค่บางส่วน ให้เชื่อเฉพาะส่วนที่เป็น “พุทธวจน” (คำพูดพระพุทธเจ้า) ส่วนคำอธิบายขยายความ (อรรถกถา) ของพระสาวกเชื่อถือไม่ได้ และจัดทำหนังสือ “พุทธวจนปิฎก” ขึ้นมาเอง
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมการฯ ว่าเหตุต้องสวด 150 ข้อ ท่านอ้างอิงหลักฐานจากพระสูตร (หมวดคำสอนในพระไตรปิฎก) บางสูตร ที่ระบุถึงจำนวนสิกขาบท (ศีล) ว่ามี 150 ข้อ ท่านยืนยันว่าสอนตามคำพระศาสดา และเป็นไปตามพระสูตรทุกประการ ส่วนหนังสือพุทธวจนปิฎก เป็นเพียงการรวบรวมคำสอนจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้ามาจัดหมวดหมู่ใหม่ ไม่ได้ดัดแปลงแก้ไข
อย่างไรก็ตาม มหาเถรสมาคม ได้พิจารณาหลักฐานทั้งหมดแล้วมีมติชี้ขาดออกมาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2557 สรุปได้ว่า การสวดปาฏิโมกข์ 227 ข้อ เป็นประเพณีปฏิบัติที่ยึดถือตามพระวินัยปิฎก ซึ่งเป็นหลักฐานที่ถูกต้องและชัดเจนที่สุด พระสูตรที่พระคึกฤทธิ์อ้างถึงนั้น เป็นการกล่าวถึงจำนวนศีลในขณะนั้น ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระสูตร หลังจากนั้นได้มีการบัญญัติศีลเพิ่มเติมจนครบ 227 ข้อ ซึ่งได้รับการรับรองจากการทำสังคายนา (การรวบรวมคำสอน) ครั้งที่ 1, 2 และ 3
มหาเถรสมาคมยังชี้ไปที่คำภาษาบาลีคำหนึ่งคือ “สาธิกํ” ที่อยู่ในพระสูตร ซึ่งสามารถแปลได้ว่า “ถ้วน” หรือ “เกินกว่า” โดยอรรถกถา (คัมภีร์อธิบาย) แปลว่า “เกินกว่า 150 ข้อ” ซึ่งหมายความว่าศีลมีมากกว่า 150 ข้ออยู่แล้ว
มหาเถรสมาคมจึงมีมติสุดท้าย ให้คณะสงฆ์ไทยทั่วประเทศ ต้องสวดปาฏิโมกข์ 227 ข้อ เพื่อรักษาหลักพระธรรมวินัยและความเป็นเอกภาพของคณะสงฆ์
แม้จะมีมติจากมหาเถรสมาคมออกมาแล้ว แต่ทางวัดนาป่าพงก็ยังคงยึดมั่นในแนวทางการปฏิบัติของตนต่อไป ส่งผลให้สถานะของวัดนาป่าพงในทางปฏิบัติ ดำเนินกิจกรรมอยู่นอกมติและการยอมรับของคณะสงฆ์ไทยกระแสหลักในประเด็นนี้ และนี่คือปมขัดแย้งที่หยั่งรากลึกและเป็นที่มาของดราม่าทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับวัดนาป่าพงมาจนถึงปัจจุบัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทนายฟ้าใส ชี้ปม “พระคึกฤทธิ์” โอนเงินซ้ำๆ ไปเยอรมนี เข้าข่ายบทสันนิษฐาน “ฟอกเงิน”
- สรุปดราม่า “พระคึกฤทธิ์” ก่อนชมโหนกระแส แยก 2 เรื่อง 2 สีกาที่ต้องรู้
- เปิดอาชีพเก่า “พระอาจารย์คึกฤทธิ์” ที่หลายคนยังไม่เคยรู้ ก่อนมุ่งเผยแผ่ “พุทธวจน”
ติดตาม The Thaiger บน Google News: