ข่าวต่างประเทศ

สื่อนอกตีข่าว กัมพูชา ละเมิดหยุดยิงครั้งที่ 2 จับตาท่าทีเขมร-ผู้ไกล่เกลี่ยนานาชาติ

สันติภาพที่เปราะบาง ไทยประณามกัมพูชา ละเมิดข้อตกลงอย่างโจ่งแจ้ง โจมตีระลอกใหม่ชายแดนศรีสะเกษ สื่อนอกเปิดยอดรวมคร่าชีวิตผู้คนของ 2 ประเทศไปอย่างน้อย 43 ราย ทั้งที่เจรจาหยุดยิงไม่มีเงื่อนไข ก่อนทัพไทยยืนยัน เขมรหยุดยิงปลอม เมื่อนคืนที่ผ่านมา ลอบกัด 3 จุด ตั้งแต่เปิดฉากตั้งแต่ราว 4 ทุ่ม มาสงบเช้าอีกวัน

จากกรณีกองทัพบกแถลงประณาม “กัมพูชา” ระบุประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังมีปัญหายิงปะทะกันตามแนวชายแดนของ 2 ฝ่ายนั้น ล่าสุดเขมรได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างโจ่งแจ้ง เป็นครั้งที่ 2

กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 ถึง 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. พื้นที่ช่องคานม้า จังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 29 ก.ค.568 เวลา 21.30 น. กองทัพกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กยิงเข้าใส่แนวกำลังฝ่ายไทย เป็นเหตุให้เกิดการปะทะจนถึงเวลา 22.00 นาฬิกา จึงยุติ

2. พื้นที่เขาพระวิหาร บริเวณภูมะเขือและห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 22.00 น. กองทัพกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กยิงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับใช้อาวุธยิงสนับสนุนประเภทเครื่องยิงลูกระเบิด ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิตามหลักสากลในการตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง การยิงจากฝ่ายกัมพูชายังคงเกิดขึ้นเป็นระยะจนถึงช่วงเช้า วันที่ 30 กรกฎาคม 2568

3. พื้นที่ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 30 ก.ค.68 เวลา 05.17 น. ตรวจพบการยิงเครื่องยิงลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชา เข้ามาในเขตแดนประเทศไทยอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น

เขาภูมะเขือ 2 แนวรบเกิดเหตุปะทะเมื่อคืนที่ผ่านมา
ภาพ FB.@WassanaJournalist
แถลงการณ์กองทัพบก เรื่อง การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยกองทัพกัมพูชา
ภาพ @กองทัพบก

เปิดมุม “เดอะ การ์เดี้ยน” วิเคราะห์ไทย-กัมพูชา สันติภาพ 2 ประเทศ อันเปราะบาง

สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา สำนักข่าวเดอะการ์เดี้ยนของอังกฤษ เปิดเผยว่า ทัพไทยมีการอ้างว่ากองกำลังกัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีข้ามพรมแดนตลอดคืนที่ผ่านมา (29 ก.ค.) ซึ่งนับเป็นการท้าทายความพยายามในการสร้างสันติภาพครั้งล่าสุดอย่างร้ายแรง

เพื่อนบ้านทั้งสองได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคาร (28 ก.ค.) หลังจากเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงเป็นเวลา 5 วัน คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 43 รายจากทั้งสองฝ่าย และได้ปลุกข้อพิพาทเรื่องดินแดนที่คุกรุ่นมานานให้ลุกลามสู่การสู้รบอย่างเปิดเผยตลอดแนวชายแดนกว่า 800 กิโลเมตร

กระทรวงการต่างประเทศไทยระบุในแถลงการณ์ว่า กองกำลังของไทยใน จ.ศรีสะเกษ ถูกโจมตีด้วยปืนเล็กและระเบิดขว้างจากกองกำลังกัมพูชาโดยการโจมตีดังกล่าวได้ดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงช่วงเช้าของวันพุธ

“การกระทำนี้ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างโจ่งแจ้ง” แถลงการณ์ระบุ

ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีของไทย ยืนยันรายงานการปะทะตลอดคืนเช่นกัน แต่กล่าวเสริมว่า “ฝ่ายไทยยังคงควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ และสภาวะทั่วไปตามแนวชายแดนกลับสู่ภาวะปกติ ตั้งแต่เวลา 8.00 น. ของเช้าวันนี้ (30 ก.ค.)

ก่อนหน้านี้ กัมพูชาได้เคยปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งถูกร่างขึ้นเพื่อยุติการสู้รบที่ทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศกว่า 300,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน

สมรังสี ฮุนเซนลงจากอำนาจ
(AP Photo/Heng Sinith)

สันติภาพบน “เส้นด้ายบางๆ”

ข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้เริ่มต้นอย่างไม่ราบรื่นนักตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันอังคาร โดยฝ่ายไทยได้กล่าวหากัมพูชาว่ายังคงโจมตีต่อเนื่อง ซึ่งเป็น “ความพยายามที่ชัดเจนในการบ่อนทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน” ก่อนที่สถานการณ์โดยรวมจะสงบลง

การประชุมระหว่างผู้บัญชาการทหารระดับสูงของทั้งสองฝ่ายในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง ได้ดำเนินไปตามแผนเมื่อวันอังคาร โดยกองทัพไทยระบุว่าได้มีการตกลงในขั้นตอนการลดระดับความรุนแรง ซึ่งรวมถึง “การยุติการเสริมกำลังทหารหรือการเคลื่อนกำลังพลที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด”

แต่ในเวลาต่อมาของวันเดียวกัน นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้ในช่วงเริ่มต้นของการหยุดยิง สถานการณ์ยังคงเปราะบาง การปะทะที่ผ่านมาซึ่งมีการใช้ทั้งเครื่องบินขับไล่, จรวด และปืนใหญ่ ได้คร่าชีวิตทหารไทยไปอย่างน้อย 15 นาย และพลเรือนไทยอีก 15 ราย ขณะที่กัมพูชายืนยันยอดผู้เสียชีวิตที่เป็นทหาร 5 นาย และพลเรือน 8 ราย

ข้อตกลงสันติภาพครั้งนี้เกิดขึ้นได้ที่ประเทศมาเลเซีย หลังจากการแทรกแซงของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาต่างกำลังพยายามเจรจาข้อตกลงทางการค้าด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีอย่างมหาศาลที่ทรัมป์เคยขู่ไว้

การโจมตีระลอกล่าสุดนี้ได้สร้างเงาทะมึนทาบทับข้อตกลงหยุดยิงที่ทุกฝ่ายพยายามสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก และขณะนี้ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังท่าทีของฝ่ายกัมพูชา ตลอดจนผู้ไกล่เกลี่ยนานาชาติว่าจะหาทางประคองสันติภาพที่เปราะบางนี้ต่อไปได้อย่างไร.

ภูมิธรรม วันที่ไปเจรจาฮุน มาเนต ที่มาเลเซีย
แฟ้มภาพ (Mohd Rasfan/Pool Photo via AP)
แฟ้มภาพ (AP Photo/Heng Sinith)
AP Photo/Heng Sinith
เหตุการปะทะไทยกัมพูชา ความสูญเสียที่สุรินทร์
แฟ้มภาพ (Royal Thai Army via AP)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx