ติ๊ก ชิโร่ เปิดใจ พ่อน้องจูเนียร์ เหยื่อเมาแล้วขับ เรียกเยียวยา 24 ล้าน
ติ๊ก ชิโร่ เผยปมเยียวยา จูเนียร์-เมจิ เหยื่อเมาแล้วขับ ครอบครัวเรียก 24 ล้านบาท ขอกลับไปคิดก่อน
จากกรณี นายมนัสวิน นันทเสน หรือ ติ๊ก ชิโร่ เมาแล้วขับ เป็นเหตุให้นายจักรภัทร ศิวพรพิทักษ์ หรือ จูเนียร์ อายุ 21 ปี เสียชีวิต จนเกิดกระแสดราม่า ฝ่าย ติ๊ก ถูกกล่าวหาว่าไม่จ่ายเงินเยียวยาตามที่สัญญา และถูกตั้งข้อสังเกตว่า พยายามเปลี่ยนรูปคดีให้กลายเป็นประมาทร่วม”
ล่าสุด (23 ม.ค.) “ติ๊ก” และครอบครัว ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ชี้แจงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า ไม่มีใครอยากให้อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้น ซึ่งทุกฝ่ายต่างสูญเสีย แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องยอมรับความจริง และร่วมกันหาทางแก้ไข”
“ติ๊ก ชิโร่” เผยว่า แม้ภายนอกจะดูเข้มแข็ง แต่ภายในใจนั้น รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณทางครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ที่พูดคุยกันอย่างมีเหตุผลและใจเย็นทุกครั้ง พร้อมยืนยัน ต้องการเยียวยาอย่างเต็มที่ เท่าที่จะทำได้ โดยยอมรับว่ามีการคุยกับทางฝั่งนั้นแล้วว่าตนจะแต่งเพลงให้น้องผู้เสียชีวิต และหากปล่อยเพลงออกมาแล้วมีรายได้ก็จะนำเงินส่วนนั้นมามอบเป็นค่าเยียวยวอีกทางหนึ่ง
ขณะที่ “เอ๋” น้องสาวของภรรยาติ๊ก ชิโร่ กล่าวเสริมในประเด็นการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บว่า วันแรกที่เกิดเรื่องฝั่งติ๊กได้จ่ายเงินให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตไป 100,000 บาท ตามด้วยค่างานศพน้องเมจิ (เหยื่อคนแรกที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้) ไปทั้งหมด 75,530 บาท โดยครั้งแรกที่มีการเจรจาจริงจังนั้น ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เพราะเวลานั้นน้องจูเนียร์กำลังอยู่ในห้อง ICU
จากนั้นฝั่งติ๊กและคุณพ่อของน้องได้มีการคุยกันอีกครั้ง โดยรอบนี้อีกฝั่งได้เสนอมา 9 ล้านบาท แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นยอดเยียวยาของน้องเมจิหรือรวมของน้องจูเนียร์แล้วหรือไม่ ทำให้ทางเราต้องกลับมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะเยียวยาได้หรือไม่
ต่อมาทั้งสองฝั่งได้มีการไปพูดคุยที่สน.คันนายาว พร้อมประสานประกันรถว่าสามารถจ่ายอะไรให้ทางผู้เสียหายได้บ้าง ซึ่งตอนนั้นยังหาข้อยุติไม่ได้ ประกันจึงยังไม่อยากให้จ่ายในส่วนนี้ แต่ฝั่งติ๊กยินดีที่จะจ่ายเงินไปก่อน แม้อนาคตรูปคดีอาจมีการชี้ขาดไปแล้วก็ตาม สุดท้ายประกันจึงจ่ายไป 5 แสนบาท ซึ่งยอดนี้ยังไม่รวมยอดประกันภาคสมัครใจที่มีวงเงินสำหรับคนเจ็บ-เสียชีวิตสูงสุดคนละ 1 ล้านบาท และภาคบังคับที่หากเราเป็นฝ่ายผิดก็จะจ่ายเพิ่มอีก 5 แสนบาท ทำให้ยอดรวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท (ยอดประกันจ่าย ไม่ใช่ยอดเยียวยาส่วนตัวทั้งหมด)
ทว่าด้วยความที่ฝั่งญาติผู้เสียชีวิตเข้าใจว่า “ติ๊ก” ต้องการจ่ายเงินแค่ 3 ล้านบาท ทำให้ทางนั้นเดินมาต่อว่า “อ้อม” ภรรยาติ๊กว่าขอขับรถชนลูกสาวติ๊กบ้างได้ไหม แล้วจะเอาเงินมาวางกองให้ 3 ล้านบาท ตนจึงมองว่าไม่ควรมาพูดจาเสียดสีหรือทำร้ายจิตใจกันเลย
ต่อมาในการเจรจาครั้งที่ 2 “เอ๋” จึงตัดสินใจเดินทางไปพูดคุยคนเดียวเพราะไม่อยากมีปัญหาเพิ่มและเจรจาไม่รู้เรื่อง โดยการเจรจาครั้งนั้นมีสาระสำคัญว่าฝั่งติ๊กจะนำที่ดินมูลค่าประมาณ 4-5 ล้านบาทไปขายแล้วนำเงินมามอบให้ แต่ไม่รู้ว่าจะขายได้เมื่อไหร่เหมือนกัน ซึ่งฝั่งพ่อน้องจูเนียร์ได้แจ้งว่าตอนนั้นน้องกำลังรักษาตัวอยู่และมีค่าใช้จ่าย
ติ๊กจึงช่วยรับผิดชอบค่ารักษาไป พร้อมทำข้อตกลงว่าจากนี้ไปหากมียอดอะไรก็ตามให้คุณพ่อส่งมาหาติ๊กได้เลย ซึ่งยอดที่จ่ายไประหว่าง 3 เดือนที่เกิดขึ้น ประมาณ 4 แสน 2 หมื่นกว่าบาท ไม่รวมเงินที่เป็นประกันภัยภาคบังคับ ในส่วนของรถยนต์ที่ทำประกันอีก 500,000 บาท รวม 9 แสนกว่าบาท
ต่อมาในการเจรจาครั้งที่ 3 (13 ม.ค. 68) ทั้งสองฝ่ายได้ไปคุยตกลงกันที่ สน.คันนายาว โดยครั้งนี้มีผู้กำกับมานั่งร่วมเจรจาด้วย โดยฝั่งติ๊กนำทนายเข้าช่วยดูสถานการณ์ เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้เจรจากัน เพราะพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมส่งสำนวนให้อัยการแล้ว โดยวันนั้นฝั่งคุณพ่อได้เสนอตัวเลขค่าเสียหายมาทั้งหมด 24 ล้านบาท แบ่งออกเป็นน้องจูเนียร์ 18 ล้านและน้องเมจิ 6 ล้าน “เอ๋” จึงขอกลับจึงขอกลับมาปรึกษากับครอบครัวก่อนว่ามีความสามารถในการจ่ายได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเป็นเงินก้อนใหญ่ หาได้ไม่ทัน ซึ่งประเด็นนี้ทำให้คุณพ่อและญาติไม่พอใจ
นอกจากนี้ “ติ๊ก” เผยว่ามีโอกาสได้แต่งเพลงให้น้องผู้เสียชีวิตและครอบครัว พร้อมนำรายได้ทุกบาทไปเยียวยาเป็นอีกช่องทางหนึ่ง เนื่องจากรายได้ตอนนี้มาจากคอนเสิร์ต ส่วนเรื่องเพลงนั้นยากจริง ๆ เพราะเอฟซียุคตนไม่ได้ใช้โซเชียลเป็นหลัก ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ ตนจะปล่อยเพลงออกมาต่อไป
นายกันตเมธส์ จโนภาส ทนายความติ๊ก ชิโร่ กล่าวเสริมว่า ในเรื่องของคดีความนั้น หากรับทราบคำสั่งสำนวนของพนักงานสอบสวนที่ส่งให้พนักงานอัยการแล้วนั้น ถ้าเรามองว่ามันไม่ถูกต้อง ทางเราจะดำเนินการร้องขอความเป็นธรรมให้เป็นไปตามความจริง เนื่องจากคลิปหน้ารถ “ติ๊ก” นั้นมีภาพชัดเจนว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร ส่วนความคืบหน้านั้น ตอนนี้ทีมทนายได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังพนักงานสอบสวนแล้วว่า ให้สรุปสำนวนเป็นไปตามความเป็นจริงเป็นไปตามกฎหมายให้ยึดโยงข้อกฎหมายเรียบร้อย
ส่วนเรื่องการนัดวันเคลียร์ค่าเยียวยานั้น ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกันเพราะต้องรอพนักงานสอบสวนเรียกตัวไปแก้ไขสำนวนแล้วแจ้งข้อกล่าวหาใหม่อีกครั้งก่อน หากเจรจาแล้วไม่ได้ผลก็จะเจรจาใหม่ และหากสรุปสำนวนคดีไม่เป็นธรรมก็จะร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการเพื่อรักษาสิทธิ์ของเราเองต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ติ๊ก ชีโร่ เข้ากราบศพเหยื่อ ปมเยียวยาปิดปากเงียบ รับผิดแต่ไปฟ้องประมาทร่วม
- น้องจูเนียร์ เหยื่อเมาแล้วขับ ติ๊ก ชิโร่ เสียชีวิตแล้ว พ่อเปิดเบื้องลึกเยียวยา
- ติ๊ก ชิโร่ เปิดชีวิตใช้หนี้ 10 ล้าน เคยไปสารภาพรักนักร้องดัง