ย้อนตำนาน คนกัมพูชาเผาสถานทูตไทย เหยื่อข่าวปลอมจากสื่อร่วมชาติ
ย้อนตำนาน คนกัมพูชาเผาสถานทูตไทย เหยื่อข่าวปลอมจากสื่อร่วมชาติ เต้าข่าว ดาราไทยพูดถึงนครวัด จนสมเด็จฮุนเซน ต้องออกมาขอโทษ
จากกรณีดราม่าระหว่างไทยกับกัมพูชาล่าสุด ในแวดวงขาอ่อนบันเทิง ทำให้ย้อนนึกไปถึงดราม่าระดับตำนานในอดีต ที่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่รู้เท่าทันสื่อในประเทศตัวเอง รับข่าวสารไม่รอบด้าน จนเกิดโศกนาฏกรรมตามมา
เหตุการณ์การเผาสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2546 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความตึงเครียดอย่างมากระหว่างไทยกับกัมพูชา ณ เวลานั้น
เหตุการณ์นี้มีต้นเหตุมาจากกระแสข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับคำพูดของนักแสดงหญิงชาวไทย ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจและการเข้าใจผิดอย่างรุนแรงในหมู่ประชาชนชาวกัมพูชา
ชนวนของเหตุการณ์ เริ่มจากรายงานข่าวในสื่อกัมพูชาที่กล่าวหาว่า นักแสดงหญิงชื่อดังของไทย ให้สัมภาษณ์โดยอ้างว่าเธอพูดว่า นครวัดควรเป็นของประเทศไทย ต่อมาในภายหลังได้พิสูจน์แล้วว่า เป็นข่าวปลอม นักแสดงดังกล่าวไม่ได้พูด
แต่ตอนนั้น ข่าวลวงที่แพร่สะพัดไป สร้างความโกรธเคืองในหมู่ชาวกัมพูชาอย่างมาก เนื่องจากนครวัดเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของกัมพูชา เป็นศูนย์กลางของความภาคภูมิใจทางประวัติศาสตร์ของประเทศ
แม้ต่อมา รัฐบาลไทยจะออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว รวมถึงสื่อมวลชนกัมพูชาหลายแห่งเองก็ยอมรับว่าไม่ได้มีคำกล่าวนั้นเกิดขึ้นจริง เป็นการเต้าขึ้นมา แต่สถานการณ์ก็ยังคงลุกลามไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในกรุงพนมเปญ
ความรุนแรงของการประท้วง
เมื่อวันที่ 29 มกราคม กลุ่มผู้ประท้วงชาวกัมพูชาหลายพันคนได้รวมตัวกันที่หน้าสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ สิ่งที่เริ่มต้นจากการประท้วงอย่างสงบได้พัฒนาเป็นการจลาจลเมื่อผู้ชุมนุมบางคนเริ่มใช้ความรุนแรง พวกเขาทำลายทรัพย์สินสถานทูตไทย และในที่สุดก็เผาอาคารสถานทูตจนเสียหายอย่างหนัก
ไม่เพียงแต่สถานทูตไทยเท่านั้นที่ถูกทำลาย ผู้ชุมนุมยังได้บุกเข้าไปในบริษัทและร้านค้าของคนไทยในกรุงพนมเปญ รวมถึงโรงแรมและธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนไทย ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อทรัพย์สินของคนไทยในกัมพูชา
หลังเหตุการณ์เกิดขึ้น รัฐบาลไทยตอบโต้โดยการเรียกคืนเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญและสั่งการให้สถานทูตไทยในกัมพูชาปิดตัวลง นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังได้จัดการขนส่งชาวไทยจำนวนมากกลับจากกัมพูชาเพื่อความปลอดภัย เรียกว่า ปฏิบัติการโปเชนตง
ทหารของกองทัพไทยส่งเครื่องบิน C-130 ไปยังสนามบินโปเชนตงเพื่อทำการอพยพชาวไทยที่ไม่สามารถออกจากประเทศได้ เนื่องจากเหตุการณ์จลาจลและความไม่ปลอดภัยในพื้นที่
ปฏิบัติการนี้ได้รับการจัดการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้ชาวไทยหลายร้อยคนสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเพิ่มเติม ปฏิบัติการโปเชนตงยังถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของกองทัพไทยในการดำเนินการในสถานการณ์วิกฤตและการปกป้องพลเมืองของตนในต่างประเทศ
หลังเหตุการณ์เผาสถานทูตสงบลง รัฐบาลกัมพูชาออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ โดยนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ได้ยืนยันว่า รัฐบาลกัมพูชาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของผู้ประท้วงและจะทำทุกวิถีทางเพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น เ
ฮุนเซนได้สั่งการให้ตำรวจจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจลาจลครั้งนี้หลายคน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ได้ทำหน้าที่ในการควบคุมเหตุการณ์อย่างเหมาะสม
เหตุการณ์เผาสถานทูตไทยในปี พ.ศ. 2546 เป็นจุดตกต่ำของความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาในช่วงเวลาหนึ่ง แม้ว่าผู้นำทั้งสองประเทศจะพยายามแก้ไขสถานการณ์ในภายหลัง แต่เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของข่าวลือที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ และการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
ในช่วงหลังจากนั้น ไทยและกัมพูชาได้พยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้า ซึ่งในที่สุดทั้งสองประเทศก็สามารถกลับมาร่วมมือกันได้อย่างเต็มที่ แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ยังคงถูกจดจำในประวัติศาสตร์ของทั้งสองชาติ
อ่านข่าวอื่นๆ