การเงินเศรษฐกิจ

‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ แปลงร่างเป็น ‘เงินสด’ การถอยหลังของนโยบายเงินดิจิทัลไทย

นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาลไทยต้องสะดุด หลังการหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จากเดิมแผนการใช้ระบบโอนเงินดิจิทัลผ่านซุปเปอร์แอป ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ล่าสุดมาเป็นแจกเงินสด 10,000 บาท ให้กลุ่มปราะบาง ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และพร้อมเพย์บัญชี

ส่วนการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับคนทั่วไปที่ลงทะเบียนเงินดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ จะได้รับเงินแบ่งจ่าย 2 รอบ หากระบบดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่เสร็จสมบูรณ์ อาจจะจ่ายเป็นเงินสด คนละ 5,000 บาท รอบสอง หากเสร็จทันจะได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนที่เหลืออีก 5,000 บาท จะจ่ายในปีหน้า

Advertisements

การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อวิธีการแจกเงินเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความล้มเหลวในการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในระดับประเทศ อาจส่งผลต่อเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยในระยะยาว ที่ตอนแรกหวังกระตุ้นเศรษฐกิจลึกในระดับฐานราก เป้าเขียนโครงการไว้ว่าให้กำหนดใช้ได้ในรัศมี 4 กิโลเมตรตามภูมิลำเนาทะเบียนบ้าน

เงื่อนไขตอนแรกจะให้ใช้จ่ายในอำเภอ รัศมี 4 กิโลเมตร

ในแผนเดิม รัฐบาลตั้งใจให้ประชาชนใช้จ่ายเงิน 10,000 บาทผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โดยมีเงื่อนไขการใช้จ่ายที่จำกัดในรัศมีภายในอำเภอที่มีทะเบียนบ้าน และสามารถซื้อสินค้าได้เฉพาะในร้านค้าขนาดเล็กที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด นโยบายนี้มีเป้าหมายไม่เพียงแค่กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงการผลักดันให้ประเทศก้าวสู่สังคมไร้เงินสดและพัฒนาระบบการเงินดิจิทัลบนเทคโนโลยีบล็อกเชน อย่างไรก็ตาม การจำกัดประเภทสินค้าที่ซื้อได้ เช่น ห้ามซื้อสินค้าอบายมุข น้ำมัน บริการ และสินค้าออนไลน์ ได้สร้างความซับซ้อนในการบริหารจัดการและอาจจำกัดประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

การเปลี่ยนแปลงมาสู่การแจกเงินสดได้ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของนโยบายนี้อย่างมีนัยสำคัญ ประชาชนจะได้รับเงินสดโอนเข้าบัญชีธนาคารโดยตรง โดยไม่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่การใช้จ่าย สามารถซื้อสินค้าได้ทุกประเภท รวมถึงใช้ชำระค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ได้อย่างอิสระ แม้จะทำให้การกระจายเงินเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดายกว่า แต่ก็ทำให้เป้าหมายในการพัฒนาระบบการเงินดิจิทัลและการสร้างฐานข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนต้องถูกยกเลิกไป

แต่ใช้ว่าจะไม่ดีเสียทีเดียว ในแง่ของการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น การแจกเงินสดโดยตรงอาจทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เร็วกว่า ประชาชนสามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการเรียนรู้การใช้แอปพลิเคชันใหม่ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี

Advertisements

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้จะทำให้สูญเสียโอกาสในการพัฒนาทักษะดิจิทัลของประชาชนและการสร้างระบบนิเวศทางการเงินดิจิทัลที่ครอบคลุม แต่ก็เป็นโอกาสให้รัฐบาลได้ทบทวนและปรับปรุงแผนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลให้มีความเหมาะสมและยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต การเรียนรู้จากประสบการณ์นี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการวางแผนและดำเนินนโยบายด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทยในระยะยาว

ในท้ายที่สุด แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้อาจดูเหมือนเป็นการถอยหลังในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การให้ความรู้แก่ประชาชน และการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง การปรับตัวและเรียนรู้จากความท้าทายนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนานโยบายดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในอนาคต

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button