พี่สาวร้องสื่อช่วย หลังซื้อรถเต้นท์มือสอง ให้น้องขับ 11 วัน เจอตามยึด-แถมแอบติด GPS
อุทาหรณ์ พี่สาวซื้อรถจากเต้นท์มือ 2 ให้น้องชาย หวังไว้ใช้ดูแลภรรยาตอนใกล้คลอด สุดท้ายใช้ไป 11 วัน เจอกลุ่มชายฉกรรจ์ตามยึดรถ สืบจนสงสัยงานนี้ เจ๊เจ้าของเต็นท์ ส่อพิรุธโกง
จากกรณี มูลนิธิ วิน วิน ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใช้ติ๊กตอกชื่อ @lookmoonaka999 ได้เห็นโฆษณาในเพจเฟสบุ๊กจากเต็นท์รถยนต์แห่งหนึ่งแถวซอยลาซาล ขายรถผ่อนตรงกับเต้นท์ไม่ต้องจัดไฟแนนซ์ ซึ่งเหยื่อเกิดความสนใจต้องการซื้อรถให้น้องชายที่มีภรรยยาใกล้คลอดอยากให้มีรายได้ไว้เลี้ยงดูลูก จึงตัดสินใจติดต่อซื้อรถกระบะยี่ห้ออีซูซุตอนเดียวหลังคาตู้ทึบในราคา 359,000 บาท
โดยมีค่าใช้จ่ายในวันออกรถเกือบ 60,000 บาท โดยมีชื่อบิดาเป็นผู้ซื้อและเหยื่อเป็นผู้ค้ำประกัน เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2567 รถคันดังกล่าวขาดต่อภาษีตนจึงติดต่อทักท้วงให้เต้นท์รถดังกล่าวต่อภาษีให้เรียบร้อย ทางเต้นท์ได้ขอรถกลับไปเพื่อทำการต่อภาษีถึง 3 วัน แต่ก็ยังต่อภาษีไม่ได้โดยทางเต้นท์ให้เหตุผลว่าต้องต่อภาษีใช้เวลาหลายวัน จึงให้เอารถไปก่อน
จากนั้นเหยื่อได้รถกลับมาวันที่18 มี.ค. 67 ต่อมาวันรุ่งขึ้น 19 มี.ค. น้องชายได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปหามารดาที่คอนโดแห่งหนึ่งแถวถนนลาดปลาเค้า ได้มีกลุ่มชายฉกรรย์ โดยเดินลงมาจากรถ 2 คนมาล้อมรถไว้ อ้างว่ามาจากไฟแนนซ์จะมายึดรถคันดังกล่าว น้องชายได้โทรหาตนเองและตนเองได้พูดคุยกับบุคคลที่อ้างตัวว่ามากจากไฟแนนซ์ไม่ยินยอมให้ยึดรถไปเพราะตัวเองซื้อมาถูกต้องและใช้รถได้เพียง 11 วัน กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวก็ยืนยันจะยึดรถให้ได้
ตอนแรกกลุ่มชายฉกรรจ์จะให้บังคับให้น้องชายของเหยื่อไปนั่งรถด้วย แล้วตัวชายฉกรรจ์จะมาขับรถของน้อง ซึ่งมีภรรยาที่ท้อง+เด็กอยู่ในรถ (แต่น้องชายไม่ยอม) ชายฉกรรจ์จึงให้น้องชายตนเองขับรถตามไป สน.บางเขน ตนจึงแนะนำให้น้องชายขับรถหนีระหว่างเดินทางไป สน. จึงหลุดพ้นจากกลุ่มชายฉกรรจ์
เหยื่อสงสัยไปไล่เช็กจนเจอเจ้าของรถตัวจริง
ต่อมาหลังจากกิดเรื่อง พี่สาวที่เป็นเหยื่อซื้อรถจากเต้นมือสอง ก็ตรวจสอบที่มาของรถยนต์กับเจ้าของตามชื่อในคู่มือจดทะเบียนพบว่าผู้ครอบครองตามชื่อในคู่มือได้ยกรถยนต์คันดังกล่าวให้เต๊นท์คู่กรณีแบบให้เปล่าเพื่อเอาไปปิดไฟแนนซ์เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่เคยปิดไฟแนนซ์เลย เหยื่อจึงเชื่อว่าเต็นท์รถดังกล่าวคงขายรถคันนี้ให้บุคคลอื่นแบบตนและไปยึดกลับมาแบบนี้หลายครั้งแล้ว
จุดสังเกตุอีกอย่าง คือ บิดาของเหยื่อให้หมายเลขโทรศัพท์กับเต้นท์รถไป แต่ทำไมกลุ่มคนดังกล่าวถึงโทรหาบิดาของเหยื่อได้เพื่อให้นำรถคันดังกล่าวมาคืน
ด้วยเหตุนี้จึงน่าเชื่อว่าจะมีการร่วมมือกันระหว่างเต็นท์กับกลุ่มชายฉกรรจ์ และด้วยความสงสัยว่าทำไมกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวถึงไปที่คอนโดของมารดาตนเองได้ทั้งที่สถานที่ดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่อยู่ในการทำสัญญาซื้อขายคาดว่าน่าจะมีการติดจีพีเอสไว้ โดยวันที่ 24 มี.ค.67 มีการให้ช่างมาตรวจหาจีพีเอสภายในรถก็พบว่ามีการติดตั้งจีพีเอสไว้ภายในคอนโซลหลังเรื่อนไมล์จีพีเอสดังกล่าวสามมารถติดตามรถและสามารถฟังเสียงสนทนาภายในรถได้ เหยื่อจึงเชื่อว่าเต้นท์ไม่บริสุทธิ์ใจต้องการกินเปล่าเงินดาวน์เพรารู้ว่าตนเองไม่ใช่ชื่อผู้ครอบครองรถไม่สามารถแจ้งความได้ จึงมาร้องเรียนมูลนิธิฯ ให้ช่วยเหลือในการดำเนินคดีกับเต้นท์รถและกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ อัปเดตข้อมูลทางคดีล่าสุด เพจโหนกระแส รายงานเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ทางเหยื่อได้เดินทางไปแจ้งความเพิ่มเติม ที่ สน.บางนา และ สน.บางเขน รวมถึงจะไปร้องเรียน สคบ. และหน่วยงานต่างๆ ให้ช่วยเหลือเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด พร้อมทั้งจะจับมือกับทางเจ้าของรถตัวจริงไปแจ้งความเอาผิดเจ๊ เจ้าของเต็นท์ เพราะจากที่ตรวจสอบพบว่า ลายมือของเจ้าของรถถูกปลอมขึ้นมาด้วย.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง