ทอม หรือ ผู้หญิง กินฮอร์โมนเพศชายได้ไหม ช่วยเพิ่มความแมนจริงหรือ?
อยากเป็นทอม ต้องกินยาเทคฮอร์โมนเพศชายได้ไหม? กินแล้วมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง แนะนำวิธีเพิ่มความเป็นชายอย่างถูกต้อง
ขั้นแรกสำหรับการเปลี่ยนแปลงรสนิยมทางเพศ เริ่มต้นได้ง่ายจากความต้องการภายในจิตใจ ซึ่งขั้นต่อมาอาจต้องใช้เวลานานเหลือเกินสำหรับหลาย ๆ คน นั่นคือ การก้าวข้ามโครงสร้างร่างกายที่แตกต่างกันมาแต่กำเนิด แม้การผ่าตัดตกแต่งจะทำให้ได้หุ่นอย่างใจหวัง แต่การเทคฮอร์โมนเพศชายก็สำคัญเช่นกัน ซึ่งจะมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง เช็กก่อนได้ที่นี่
ทอมหรือผู้หญิงกินฮอร์โมนเพศชายได้ไหม
ผู้หญิงหรือทอมกินฮอร์โมนเพศชายได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผู้หญิงทุกคนมีฮอร์โมนเพศชายอยู่ในตัว เกิดจากการผลิต “ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน” จากต่อมหมวกไต รังไข่ และไขมันจากร่างกาย มีหน้าที่ช่วยให้อารมณ์ของผู้หญิงไม่สวิงมาก รวมถึงการส่งเสริมทำงานของรังไข่ เสริมความจำ ความแข็งแรงของกระดูก และมวลกล้ามเนื้อ รวมไปถึงช่วยให้ผู้หญิงมีความต้องการทางเพศ
ทั้งนี้การเทคฮอร์โมนเพศชายในร่างกายผู้หญิงมักจะใช้ในกรณีแก้อาการวัยทองในผู้หญิง หรือใช้รักษาอาการของหญิงที่ร่างกายขาดฮอร์โมนเพศชาย รักษาอาการขาดอารมณ์ทางเพศ และใช้ในผู้หญิงที่ถูกตัดรังไข่ทั้งสองข้าง ซึ่งรักษาด้วยฮอร์โมนเพศหญิงแล้วไม่ได้ผลเท่าไร
อย่างไรก็ตาม การให้ฮอร์โมนเพศชายในผู้หญิงที่ร่างกายปกติดี ไม่ใช้วิธีเพิ่มฮอร์โมนเพศชายที่ปลอดภัยต่อร่างกายนัก เพราะการใช้ฮอร์โมนเพศชายเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจมีผลข้างเคียง กรณีทอมที่ต้องการเทคฮอร์โมนเพศชายเพื่อการข้ามเพศ ต้องได้รับการตรวจสุขภาพ และขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนจึงจะเทคฮอร์โมนได้ ไม่ควรหาซื้อมาทานเอง หรือตัดสินใจด้วยตัวเอง ให้
ทอม และ ผู้หญิงกินฮอร์โมนเพศชายเพื่ออะไร
ผู้หญิงอาจกินฮอร์โมนเพศชายเพื่อรักษา หรือเสริมสร้างสมดุลบางอย่างภายในร่างกาย อาทิ
- รักษาอาการวัยทอง
- รักษาอาการขาดอารมณ์ทางเพศ
- ใช้ในผู้หญิงที่ถูกตัดรังไข่ทั้งสองข้าง
- ใช้ในการรักษาโรคบางชนิด เช่น โรคกระดูกพรุน โรคเบาหวานชนิดที่ 2
- ใช้ในการเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ
ทอมอาจกินฮอร์โมนเพศชายเพื่อเปลี่ยนแปลงให้คล้ายกับลักษณะของเพศชายมากขึ้น อาทิ
- เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ
- เพิ่มลักษณะทางเพศชาย เช่น ขนดก เสียงทุ้ม
- เปลี่ยนแปลงลักษณะทางเพศให้ใกล้เคียงกับเพศชายมากขึ้น
ทำอย่างไรถึงจะเพิ่มความเป็นชาย
ผู้ชายข้ามเพศหลายคน แม้จะมีสภาวะจิตใจของความเป็นชายเต็มร้อยแล้วก็ตาม แต่รูปร่าง ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพจิตใจ การใช้ฮอร์โมน “ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน” เพิ่มความเป็นชายจึงจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของผู้ชายข้ามเพศอย่างยิ่ง
มีความสำคัญในการกำหนดลักษณะความเป็นชาย มีผลให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงสรีระและปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาจากหญิงให้ตรงกับความเป็นชายอย่างที่ต้องการ โดยมากแล้วสามารถเห็นผลได้ภายในเวลา 6 เดือนขึ้นไป
ในปัจจุบันรูปแบบการให้ฮอร์โมนมี 3 แบบ คือ แบบฉีด แบบกิน และแบบทา มีความแตกต่างกันไป ดังนี้
1. ฮอร์โมนแบบฉีด
มีทั้งแบบออกฤทธิ์ระยะสั้น และระยะยาว เมื่อฉีดเข้าไปสามารถดูดซึมได้ทันที ผ่านตับน้อย และไม่มีผลต่อตับ
2 ฮอร์โมนแบบกิน
ต้องกินยาต่อเนื่องทุกวัน และต้องกินครั้งละหลายเม็ดหากต้องการให้ยาออกฤทธิ์เท่ายาฉีด
3. ฮอร์โมนแบบทา หรือแบบเจล
ออกฤทธิ์ระยะสั้นเพียง 24 ชั่วโมง ทำให้ต้องทาตามผิวหนังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทุกวัน และต้องทาบริเวณที่ไม่ได้ไปสัมผัส บริเวณที่ไม่ได้มีขนปกคลุมมาก ๆ เช่น บริเวณหน้าท้อง เพื่อให้ตัวยาดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้ดี
ผลข้างเคียงของฮอร์โมนเพศชาย
การซื้อฮอร์โมนกินเองตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือการบอกต่อในสังคมโซเชียล อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพได้ หากไม่ได้ตรวจร่างกายก่อน หรือใช้ปริมาณสูงเกินกว่าที่จำเป็น เมื่อใช้ไปเรื่อยๆ อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพได้ หากมีอาการดังนี้ควรหยุดการเทคฮอร์โมนแล้วไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง
- หน้ามัน เป็นสิว
- หงุดหงิดง่าย มีอารมณ์ก้าวร้าว
- เลือดข้นกว่าปกติ
- เสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
- หากพบผลข้างเคียงใด ๆ ควรหยุดใช้ฮอร์โมนเพศชายและปรึกษาแพทย์ทันที
เพราะฉะนั้นการมาพบแพทย์เพื่อได้รับฮอร์โมนที่ถูกต้อง ในระยะยาวหากจำเป็นต้องรับฮอร์โมนเพศชายต่อเนื่องไปตลอดชีวิต ยิ่งมีความจำเป็นต้องได้รับการตรวจติดตามสุขภาพ ตรวจติดตามการทำงานของอวัยวะสำคัญต่าง ๆ จากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยและลดผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนให้น้อยที่สุด
อ้างอิงข้อมูลจาก : bumrungrad, yanhee, phyathai
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- หยุดกินมั่ว หมอเตือน กินยาแก้ปวดกลุ่มนี้ต่อเนื่อง เสี่ยงไตวาย อายุ 30 ปีต้องล้างไต
- วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด เช็กประจำเดือนและอาการ มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
- รพ.ระยอง แนะนำการฉีด วัคซีนโควิด ในผู้ใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมน