ข่าว

กองทัพเรือแจง ระบบเป้าบินแบบไอพ่น 49.8 ล้าน เป็นข้อมูลคลาดเคลื่อน

กองทัพเรือแจงหลังเพจดังออกมากล่าวหาเรื่อง ระบบเป้าบินแบบไอพ่น Phoenix 49.8 ล้าน เป็นข้อมูลคลาดเคลื่อน

พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงหลังจากที่เพจ CSI LA ออกมาระบุว่า กองทัพเรือ เอื้อประโยชน์บริษัทเอกชนในการจัดซื้อเป้าบินพิสัยกลางแบบไอพ่น ด้วยการแก้เอกสารสัญญาสั่งซื้อระบบเป้าบิน Phoenix ราคา 49.8 ล้านบาท

ทางเพจ CSI LA ระบุว่า “ที่บินไม่ได้ เพราะไม่ได้ซื้อรางส่งบินมาด้วย จากเดิมที่เคยเขียนว่าจะมีจ่ายเต็มหากได้รับมอบสินค้าแล้ว เป็นไปตรวจสอบของที่โรงงานโดยที่ไม่มีการทดสอบว่าบินได้หรือเปล่าก็ได้เงินแล้ว การซื้อระบบเป้าบินเจ็ตโดรนโดยซื้อรางส่งขึ้นบิน ไม่ต่างอะไรกับการซื้อจรวดโดยไม่ซื้อแท่นปล่อยจรวด” พร้อมทั้งกล่าวหาว่าในประเด็นการจัดหาซึ่งระบุว่า “ที่อ้างว่าประหยัดงบประมาณนั้น ก็เพียงแค่ซื้อตรงจากตัวแทนในประเทศไทยก็สามารถซื้อได้เต็มระบบแล้ว ทำไมต้องไปซื้อผ่านตัวแทนช่วง (ซาปั๊ว) ด้วย”

พล.ร.อ.ปกครอง ระบุว่า กองทัพเรือ ไม่ซื้อรางปล่อยเนื่องจากต้องการซื้อผ่านตัวแทนช่วง (ซาปั๊ว) ขอชี้แจงว่า เริ่มแรกของโครงการจัดซื้อเป้าบินพิสัยกลางแบบไอพ่น เป็นการจัดหาเป้าบินฯ จำนวน 3 ระบบ พร้อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ได้จัดหารางปล่อยใน TOR ตั้งแต่แรก เนื่องจากได้มีการสำรวจจากบริษัทต่างๆ ในขั้นตอนการสืบราคากลางก่อนเริ่มโครงการ โดยบริษัทต่างๆ แจ้งว่ารางปล่อยเดิมของ กองทัพเรือ ที่มีใช้ราชการอยู่สามารถใช้งานกับเป้าบินที่จะจัดหาใหม่ และสามารถใช้กับเป้าบินของเดิมที่กองทัพเรือ มีประจำการอยู่แล้วได้ เพียงแค่ปรับปรุงเล็กน้อย

หากกองทัพเรือ จัดหารางปล่อยด้วยจะต้องใช้งบประมาณถึง 17 ล้านบาท หรือประมาณ 1 ใน 3 ของมูลค่าโครงการในภาพรวม ซึ่งกองทัพเรือ พิจารณาแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องจัดหารางปล่อยใหม่ และเป็นการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดในทรัพยากรที่กองทัพเรือ มีอยู่จริง

ส่วนข้อกล่าวหาว่า จากเดิมจ่ายเต็ม หากได้รับมอบสินค้าแล้ว ไปตรวจสอบที่โรงงานผู้ผลิตก็ได้เงินแล้วนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากขั้นตอนการตรวจรับที่โรงงาน (Factory Acceptance Test : FAT) เป็นขั้นตอนการตรวจสอบชิ้นส่วนการผลิต สายการผลิต และมาตรฐานการผลิตของโรงงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับ กองทัพเรือ ว่าทางผู้ผลิตมีความพร้อม และมาตรฐานเพียงพอในการดำเนินการโครงการจนแล้วเสร็จ และกองทัพเรือ จะได้รับประโยชน์สูงสุด แล้วจึงจ่ายเงินร้อยละ 35 ไม่ใช่เป็นการจ่ายเงินทั้งหมดทั้งโครงการ

ซึ่งการไปทำการ FAT ณ โรงงานผู้ผลิตในครั้งนี้ นอกจากจะไปตรวจสอบมาตรฐานตามที่กล่าวมาแล้ว ทางผู้ผลิตยังได้แสดงสมุดประวัติการทดสอบบิน (Aircraft LOGBOOK) ซึ่งเป็นสมุดประวัติประจำเป้าบินในแต่ละลำที่แสดงเกี่ยวกับการทดสอบทดลองการทำงานของระบบต่างๆ ของเป้าบินในระดับโรงงานตามมาตรฐานสากลให้กับผู้แทน กองทัพเรือ (ผู้ช่วยทูตทหารเรือไทย) ได้ตรวจสอบด้วย

สำหรับการจ่ายเงินงวดงานของการทำ FAT โดยผู้แทนของกองทัพเรือ ณ โรงงานผู้ผลิตรายนี้นั้น ไม่ได้จ่ายโดยทันทีหลังจากการดำเนินการ แต่กองทัพเรือ ได้จ่ายเงินในงวดการ FAT หลังจากที่เป้าบินทั้ง 3 ลำ พร้อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ถูกจัดส่งมาถึงประเทศไทยและผ่านการตรวจรับอุปกรณ์ตามรายการ และตรวจสอบสมุดประวัดิการทดสอบบิน (Aircraft LOGBOOK) เรียบร้อยแล้วในส่วนขั้นตอนการบินทดสอบเพื่อทำการบินจริงเป็นขั้นตอนงวดงานสุดท้าย หรือกระบวนการทำ Setting to work ที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยบริษัทจะเข้าดำเนินการในห้วงเดือน สิงหาคม 2566

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่ออีกว่า จากการกล่าวอ้างว่า กองทัพเรือ ต้องการจัดซื้อผ่านตัวแทนผู้จำหน่ายที่ได้รับมอบอำนาจตัวแทนช่วง (ซาปั๊ว) ขอชี้แจงว่า ตัวแทนช่วง (ซาปั๊ว) นั้น กองทัพเรือ ได้มีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานการแต่งตั้งตัวแทนแล้วพบว่า บริษัทฯ ดังกล่าวได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องจากผู้แทนในประเทศไทย โดยทางบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศได้กำหนดเงื่อนไขให้บริษัทผู้แทนโดยถูกต้องในประเทศไทยสามารถแต่งตั้งช่วงได้ตามที่บริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศกำหนดไว้

โครงการดังกล่าวนี้ปัจจุบันอยู่ระหว่างส่งมอบงานงวดสุดท้าย ได้แก่ การทดสอบทดลองการบินจริง (Setting to Work) ซึ่งทางบริษัทผู้ผลิตแจ้งว่าจะส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญการบินเป้าบินไอพ่นเข้ามาทดสอบทดลองด้วยการบินจริงร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือ ในห้วงเดือน สิงหาคม 2566 และหากทางบริษัทฯ ไม่สามารถส่งมอบงานได้ทันตามกำหนด กรมสรรพาวุธทหารเรือ จะดำเนินการตามระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด

“ในการจัดหายุทโธปกรณ์ต่างๆ ของกองทัพเรือนั้น กองทัพเรือจะคำนึงถึงการใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด และสามารถตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในกรณีดังกล่าว กองทัพเรือจะได้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามกระบวนการต่อไป” พล.ร.อ.ปกครอง กล่าว

 

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button