ศาลไม่ให้ประกันตัว ‘อดีตพระอาจารย์คม’ ยักยอกเงินวัด 180 ล้าน
ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว อดีตพระอาจารย์คม และพวก รวม 3 ราย จากกรณียักยอกเงินวัด 180 ล้าน เชื่อผู้ต้องหาจะหลบหนี
พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.นำตัว นายคม หรือ อดีตพระอาจารย์คม อายุ 39 ปี, นายวุฒิมา หรือพระหมอ อายุ 38 ปี และ 3.น.ส.จุฑาทิพย์ อายุ 35 ปี 3 ไปฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน ภายหลังจากที่ทั้งสามเป็นผู้ต้องหาในคดี เจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษา ทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอา ทรัพย์นั้นไปเสีย หรือ รับของโจร
พนักงานสอบสวนระบุว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้งสามจะหลบหนี คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับผู้ต้องหาทั้ง 3 จะก่อความเสียหายขนย้ายทรัพย์สินไปซุกซ่อนไว้ที่อื่น เตรียมเคลื่อนย้าย ออกจากวัด พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 3 จะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว
แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผล การตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติต้องโทษของผู้ต้องหาทั้ง3 ตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ และข้อมูล เกี่ยวกับบัญชีธนาคารต่างๆ ขอศาลหมายขังผู้ต้องหาทั้งสามไว้ระหว่างสอบสวน
และขอคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาทั้ง 3 เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี เป็นการกระทำสร้างความเสื่อมเสียแก่ พระพุทธศาสนา เกรงจะมีการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 ถูกควบคุมตัวนั้นมีการสั่งการให้พระและลูกศิษย์เคลื่อนย้ายทรัพย์ของวัดที่ได้รับบริจาคมาจาก ประชาชนนำออกไปเตรียมจะซุกซ่อนไว้ที่อื่น หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงกับ พยานหลักฐานทำให้กระทบเสียหายต่อการสอบสวน
ขณะที่ฝั่งผู้ต้องหาทั้ง 3 ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 3 ระบุเหตุผลว่า มิได้กระทำความผิด
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหา ทั้ง 3 ถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีลักษณะร่วมกันกระทำความผิด โดยที่ผู้ต้องหาที่ 1, 2 อาศัยโอกาส กระทำความผิดในขณะครองสมณเพศ อันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน
พฤติการณ์เป็น การบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ประกอบกับมีการตรวจยึดของกลางคือเงินสดและ ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 3 อาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิง กับพยานหลักฐาน อีกทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่าง สอบสวน